พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงพระสิริโฉม บนรันเวย์ MQ Vienna Fashion Week 2013 ที่ประเทศสาธารณรัฐออสเตรีย ด้วยฉลองพระองค์ ชุดไทย สไบกับผ้าถุงนุ่งสดลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์สีกลีบบัว ผลงานของ Arada Couture พร้อมนางแบบกิตติมศักดิ์ อีก 4 ท่าน ประกอบด้วย ปาริฉัตร ลือไพบูลย์พันธุ์ อัครราชทูต, สิริพร ภาณุพงศ์ อัคราชทูต, กิตติ์สิริ แก้วพิพัฒน์, อัครราชทูตที่ปรึกษา ฝ่ายอุตสาหกรรม และชมพูนุท อรรถไกวัลวที เลขานุการเอก ร่วมแสดงแฟชั่นโชว์ครั้งนี้ด้วย
ชุดฉลองพระองค์ของแบรนด์ Arada Couture ชุดนี้ เป็นชุดที่พระองค์เลือกโดยพระองค์เอง และทรงคัดสรรเรื่องวัสดุและสีผ้าด้วยพระองค์เองทั้งสิ้น ภายใต้ชุดในสไตล์ของแบรนด์ซึ่งส่วนมากผู้สวมใส่จะเป็นเจ้าสาว ที่ใช้สวมใส่ใน งานหมั้น หรือรดน้ำสังข์ใน พิธีมงคลสมรส ของผู้หญิงไทย
ณภาดา สุทธิบุญญาเกษม ดีไซเนอร์ของแบรนด์ Arada Couture เผยว่า ครั้งแรกที่ได้รับมอบหมายรู้สึกดีใจมาก ตอนแรกไม่รู้เลยว่า ผลงานของเราจะได้มาจัดแสดงบนเวทีแฟชั่นที่กรุงเวียนนา แค่ต้องทำชุดให้พระองค์หญิงฯ ก็ปลื้มใจแล้ว สำหรับแรงบันดาลใจเริ่มแรกของชุดงานสไตล์นี้คือ หนังสือ We (Wedding Magazine) ให้ทำชุดไทยในยุคต้นรัตนโกสินทร์ สิ่งที่สำคัญของโจทย์นี้คิดว่าน่าจะเป็นวัสดุ เลยต้องหาข้อมูลผ้าในยุคนั้น จึงไปได้ผ้าร้านหนึ่งที่เป็นผ้าพื้นครีมลายพุ่มข้าวบิณฑ์ ร้านผ้าบอกว่าเป็นผ้าที่คนไทยออกแบบลายนี้แต่สั่งทอที่อินเดีย สำหรับใช้ในภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย เลยนำผ้านี้มาทำสีให้เป็นโทนสีคลาสสิก และโบราณตาม concept แล้วหลังจากน้ันก็เป็นจุดเริ่มต้นของการทำชุดไทยสไตล์ของ arada coutur
ชุดฉลองพระองค์ของพระองค์ท่านเป็นการผสมผสานจากรูปแบบยุคโบราณซึ่งส่วนใหญ่จะใส่เป็นผ้าสไบกับผ้าถุงหน้านางนุ่งสด แต่ปรับประยุคมาให้ใส่สำเร็จรูปแต่เสมือนนุ่งเองเพื่อให้การสวมใส่ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ส่วนลายละเอียดของผ้าตัวบน (top) เป็นผ้าใหมลายดอกไม้เล็กๆที่มีดิ้นสีเงินปักรอบๆลายสีชมพูอมเทานำมาจับเดรป (Drap) ที่ดูแล้วธรรมชาติที่สุดและเพิ่มความอ่อนหวานด้วยความพลิ้วใหวด้วยผ้าสไบที่ใช้เป็นผ้าชีฟองใหม (Chiffon Silk) ในส่วนของผ้าถุงเป็นผ้าใหมปักดิ้นสีทองอ่อนผสมเงินลายไทยพุ่มข้าวบิณฑ์สีชมพูไล่มาโทนสีเทาที่ชายผ้าถุง จับเป็นผ้าถุงหน้านางที่มีการจับให้หน้านางทิ้งชายลงมาให้ชายยาวกว่าผ้าถุงเพื่อเพิ่มความอ่อนหวานพลิ้วไหวให้กับชุดโดยองค์รวม
ดีไซเนอร์เผยถึงความท้าทายในงานครั้งนี้ว่า “เราได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์ก่อนล่วงหน้า 2 เดือน ชุดของพระองค์หญิงนั้นเป็นงานสไตล์ของแบรนด์อยู่แล้ว จึงไม่ยาก เพียงแค่ต้องให้ไซส์พอดี และหลังจากนั้นเราก็ได้รับงานเพิ่มอีก 4 ชุด ของเหล่าอัครราชทูต ซึ่งตรงนี้เราต้องมาทำการบ้านครั้งใหญ่ เพราะไม่ใช่สไตล์ที่แบรนด์ทำ แต่ต้องเป็นชุดสำหรับผู้ใหญ่ และบางท่านก็ไม่ได้มาวัดไซส์และฟิตติ้งได้ด้วยตัวเอง ทางทีมงานจึงให้เราไปกรุงเวียนนาในครั้งนี้ด้วย”
“เราทำงานกับผ้าไหมมาตลอด โดยเฉพาะชุดแต่งงาน ชุดเจ้าสาว อย่างของชุดพิธีหมั้นของแอ๊ฟ-ทักษอร ก็เห็นในทีวีว่าสวยแล้ว แต่พอเราได้ไปดูบนรันเวย์จริงๆ แล้ว ผ้าไทยสวยมาก ทั้งเทกเจอร์ของผ้า และความประณีตในการตัดเย็บ ชาวต่างชาติก็ตื่นเต้น เราก็ตื้นเต้น พอจบโชว์เขาก็ชื่นชมผลงานเรา พอกลับมาจึงต้องมาทำการบ้านว่า เราสามารถแตกยอดงานดีไซน์ผ้าไทยออกเป็นชุดแบบอื่นด้วย ไม่ใช่จำกัดแค่ชุดเจ้าสาว ซึ่งจากที่ได้ทำชุดของเหล่าอัครราชทูตอีก 4 ชุดนั้น ซึ่งไม่ใช้สไตล์แบรนด์เรา ก็เห็นว่าทำได้ จึงตั้งใจจะทำชุดสำหรับคุณแม่เจ้าบ่าว เจ้าสาว และชุดออกงานสำคัญๆ เพิ่มขึ้นค่ะ" ดีไซเนอร์กล่าวถึงความประทับใจในงานครั้งนี้
สำหรับการแสดงแฟชั่นโชว์ของดีไซเนอร์ในกรุงเวียนนาครั้งนี้ เป็นหนึ่งในผลงานของโครงการ Designer’s Room ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ที่ผ่านการคัดเลือกไปเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา โดยงานนี้ Ms.Zigi Mueller-Matyas, Creative Headz ผู้จัดงานได้บินตรงสู่เมืองไทยเพื่อทำการคัดเลือกทั้ง 4 แบรนด์ อย่าง Adhoc, The Urban Apparel และ Paul B และ Rotsaniyom และพิเศษสุดสำหรับชุดไทยของแบรนด์ Arada Couture ที่ได้พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และเหล่านางแบบกิตติมศักดิ์ร่วมแสดงแบบ
ซึ่งอีก 4 แบรนด์ไทยของยังก์ดีไซเนอร์นั้น ก็ได้นำเสนอความโดดเด่นงานออกแบบและฝีมือคนไทยไม่แพ้กัน อย่างแบรนด์ Rotsaniyom นั้น ได้ผสมผสานสิ่งใหม่ให้เข้ากับศิลปะ วัฒนธรรมไทย ประกอบกับกลิ่นอายของภาพยนตร์ Anna and the King มาถ่ายทอดความแปลกใหม่และผลงานศิลปะเชิงทดลอง แบรนด์ Paul B นั้น นำลายเส้นแบบเก่า และลายเส้นกราฟฟิคและลายเส้นดอกไม้ที่นิยมในยุค 50 มาถ่ายทอดเรื่องราวอันแสนสนุกในวันที่มีอากาศสดใส และแบรนด์ The Urban Apparel ที่ถ่ายทอดเรื่องราวชีวิตที่ถูกกดดันจากเมืองใหญ่ผ่านการใช้วัสดุและผืนผ้าที่ขัดแย้ง
ทั้งนี้หลังจากการเสร็จการแสดงแฟชั่นโชว์ พระองค์ยังประทานสัมภาษณ์ว่า ทรงหวังว่าผู้ชมทุกท่านจะหลงรักผลงานของไทยดีไซเนอร์และสถานทูตไทย
|