|
เก็บตก! ภาพงานแต่งงาน อั๋น ภูวนาท & จ๋า อลิสา
เข้าสู่ประตูวิวาห์ไปอีกคู่ สำหรับคู่เลิฟหวานอย่างดีเจ-พิธีกรหนุ่ม อั๋น ภูวนาท คุนผลิน และนักธุรกิจสาวแห่งทิฟฟานี่ จ๋า อลิสา พันธุศักดิ์ โดยทั้งคู่ได้เข้าพิธีในโบสถ์ตามหลักศาสนาคริสต์ เมื่อ 14 ม.ค. 2560 ณ โบสถ์วัฒนา ก่อนที่จะจัดพิธีแห่ขันหมาก สวมแหวน และยกน้ำชา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อเวลา 16.30 น. ณ ห้องสมเด็จเจ้าฟ้าวไลยอลงกรณ์ โรงแรมพลาซาแอทธินี ถ.วิทยุ ทั้ง อั๋น-จ๋า ก็ได้เปิดใจถึงการเข้าพิธีมงคลสมรสต่อหน้าสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกด้วย
เล่าบรรยากาศงานแต่งงานพิธีในโบสถ์เมื่อวันเสาร์ให้ฟังหน่อย?
อั๋น : เมื่อวันเสาร์จัดงานที่โบสถ์วัฒนา เริ่มงานบ่าย 3 เป็นครั้งแรกที่เข้าพิธีแต่งงานในโบสถ์ ก็รู้สึกดีมากครับ จริงๆ ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ผมรู้สึกว่าเขาพูดถึงความรักเยอะอยู่แล้ว พิธีต่างๆ ในโบสถ์ก็เป็นเรื่องความรักความผูกพันในครอบครัว ก็ซาบซึ้งใจมากครับ เพื่อนๆ และครอบครัวก็มากันเยอะ ก็ดีใจครับ วันนั้นน้ำตาซึมกันหมดครับ พังมาก เละมากเลย (หัวเราะ)
ตั้งแต่บาทหลวงเริ่มต้นบอกให้กล่าวคำปฏิญาณพร้อมกัน พอหันมองหน้าปุ๊บพี่ก็นำละ คำแรกยังพูดไม่ได้เลย ก็น้ำตาไหลแล้วครับ พี่รู้สึกว่ามันศักดิ์สิทธิ์ เพราะมันเงียบกริบ มันเย็น เพลงเพราะมาก และมีใครตั้งมากมายที่เป็นคนที่เรารู้สึกว่าสำคัญทั้งนั้นเลยมาร่วมแสดงความยินดีกับเราในงาน มองไปก็เห็นแต่คนที่เรารัก ทุกคนมาช่วยกัน มันซาบซึ้งตั้งแต่ตอนได้รับความช่วยเหลือเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดในพิธีโบสถ์ มันเกือบจะไม่ได้เอ่ยปากอะไรเลย ทุกคนมาเต็มไปหมดตั้งแต่วันซ้อม อย่างโบ สุรัตนาวี ช่วยทำให้ทุกอย่างเลย ซึ่งจริงๆ แล้วพี่อั๋นกับโบก็ไม่ได้สนิทกันมาก แต่เขายื่นมือมาอย่างที่สุด พี่แอน นันทนา บุญหลง, พี่ปุ๊ อัญชลี จงคดีกิจ, บี พีระพัฒน์, พี่ก้อย ศรัณย่า ทุกคนมาหมดเลย โดยที่เราไม่ต้องขอ
ในคลิปวิดีโอวันแต่งงาน เพื่อนแซวว่าค่อนข้างพรั่งพรูเลย?
อั๋น : ร้องตั้งแต่วันซ้อมครับ แต่เพื่อนๆ บอกว่าร้องทุกคน วันนั้นกระดาษทิชชูในโบสถ์ต้องฉีกแบ่งกัน (ยิ้ม) ผมก็เห็นเพื่อนๆ ร้องกันพังมากจริงๆ ร้องกันโฮเลยอะ ต้องก้มหน้าก้มตากันเละหมด ไม่มีใครเตรียมอุปกรณ์ไว้
เจ้าบ่าวน้ำตาคลอตลอดๆ
ในโมเมนต์ตอนปฏิญาณ เราซาบซึ้งขนาดไหน?
จ๋า : จ๋าซาบซึ้งเพราะจ๋าเป็นคริสเตียนค่ะ คุณแม่เป็นคริสเตียนที่เคร่งมาก ตั้งแต่เด็กจนโตจ๋ารู้สึกว่าพระเจ้าประทานพรให้ตลอดชีวิต ตอนที่เข้าไป คุณแม่เป็นคนให้พลังเรามาก ตั้งแต่เดินเข้าไปจ๋าก็น้ำตาไหลแล้ว ตอนที่คุณแม่พูดอีกว่าการแต่งงานครั้งนี้จ๋าต้องมีพระเจ้าตลอดชีวิต ถ้าไม่มีพระเจ้า จ๋าจะไม่มีอะไรเลย มันก็ทำให้เรารู้สึกตื้นตัน จ๋าว่าเพื่อนๆ ทุกคนตื้นตันเรื่องความรักเรานะ จริงๆ ตื้นตันในความรักของคนที่มารายล้อมและรู้สึกว่ามีความรักของพระเจ้าที่อยู่ในโบสถ์ด้วย ฉะนั้นจ๋ามองว่ามันเป็นหลายๆ ความรู้สึก ทั้งความศรัทธา ความศักดิ์สิทธิ์ เพื่อนๆ หลายคนก็เป็นคริสเตียนค่ะ เลยนั่งร้องไห้ดีใจกับพวกเราในการอยู่ในโบสถ์ของพระองค์และได้มีคำสาบานร่วมกัน และเราหวังว่าการเข้าโบสถ์ครั้งนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราทั้งสองคนรู้จักในความรักของพระเจ้า และนำมาใช้ในชีวิตคู่ของเราได้
คำสัญญาที่ให้กันตอนอยู่ในโบสถ์ เราจำได้ไหม?
อั๋น : ยาวมากเลยอะ พี่ไม่กล้าพูดเลย เพราะจำไม่ได้ (หัวเราะ)
จ๋า : ใจความคือเขาให้เรารักและซื่อสัตย์ต่อกันค่ะ
อั๋น : คือปกติมันเป็นประโยคที่เราไม่ได้พูดกันในชีวิตประจำวัน เราอาจจะตั้งใจอย่างนั้น แต่ไม่ได้พูดกันครับ ซึ่งพี่ว่ามันเป็นสิ่งที่ดีนะ แต่อย่างที่คุณจ๋าบอกครับว่าน้ำตาที่ไหลในโบสถ์ไม่ได้บอกว่าเรารักกันมากขนาดนั้นครับ แต่ผมว่ามันเป็นพลังงานรวมของความรักของทุกคนที่มารวมกันในวันนั้น
จ๋า : เหมือนเรารู้สึกถูกรักด้วย และเหมือนที่เพลงพี่ปุ๊บอกว่าได้รักโดยที่ไม่ได้ร้องขอเลย และเป็นรักของพระเจ้าด้วย และเป็นการที่เราได้อยู่ในโบสถ์ร่วมกัน ฉะนั้นมันก็เป็นการแชร์ให้กับพี่ๆ น้องๆ ญาติๆ และครอบครัวทุกคนค่ะ
ถามถึงพิธีแห่ขันหมากและยกน้ำชาเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา?
อั๋น : เมื่อเช้าค่อนข้างโอเค ประคองสติได้ดี (หัวเราะ) มีซึ้งๆ นิดหน่อย แต่ไม่มาก เราคุยกันเองว่าเราจัดพิธีเยอะเนอะ เพราะเขาเป็นคริสต์ ผมเป็นพุทธ แต่ไม่ได้หมายความว่าพอเขาจัดคริสต์ผมก็ต้องจัดพุทธนะ แต่ผมว่าแต่ละพิธีมันมีความสวยงามของมัน พอผมไปสัมผัสกับพิธีในโบสถ์ก็รู้สึกว่ามันดีมากเลยจริงๆ มันดีต่อใจจริงๆ พอเมื่อเช้าทำพิธีของไทยตั้งแต่แห่ขันหมากจนถึงพิธีสวมแหวนและยกน้ำชา พอทานข้าวกับแขก คุณจ๋ายังพูดเลยว่าเข้าใจเลยว่าพิธีแต่ละแบบ ทุกอันมีความสวยงาม มันมีความหมายของมันอยู่
จ๋า : มันมีความหมายว่าทำไมถึงเกิดในการที่ทำให้คนรู้จักกัน รู้สึกผูกพันกันในการที่จะมาเป็นครอบครัวสองครอบครัว รู้จักกันทั้งสองครอบครัว และต้อนรับเข้าสู่ครอบครัวใหม่ แต่ว่าอันหนึ่งที่พุทธและคริสต์มีความคล้ายกัน ซึ่งจ๋าได้ฟังจากเจ้าอาวาส ท่านก็สอนในเรื่องความรักเหมือนกัน ทั้งความซื่อสัตย์อดทน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ให้อภัยกัน เหมือนกันเลยค่ะ ฉะนั้นอยู่ที่ความเชื่อค่ะ
ดูสายตาเจ้าบ่าวก็ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว
ขอถามถึงสินสอดว่ามีอะไรบ้าง?
อั๋น : จริงๆ เราไม่ได้ให้ความสำคัญกับตรงนี้เท่าไร เราไม่ได้มองว่าเราจะต้องมีโฉนดหรืออะไร สำหรับผม ผมมองข้ามเรื่องมูลค่าไปเลยจริงๆ แต่ก็จัดทุกอย่างตามความเหมาะสม ก็มีครบครับทั้งแก้วแหวนเงินทองตามสิ่งที่มันเป็นมงคลทั้งหมดทั้งปวงที่มี ทางฝ่ายคุณจ๋าก็ไม่ได้มีการรีเควสใดๆ พี่ว่ามันเป็นความเต็มใจทั้งสองฝ่ายครับ
แล้วแหวนที่จ๋าใส่ในพิธีวันนี้กี่กะรัต?
อั๋น : ประมาณ 5 กะรัตกว่าๆ คือแหวนที่สวมเมื่อเช้า แหวนในโบสถ์เป็นอีกวงหนึ่ง จะเป็นแหวนที่เราใส่เป็นประจำทุกวันครับ (เป็นแหวนที่เราหามาให้จ๋าโดยเฉพาะ?) จริงๆ เป็นเพชรที่พี่ซื้อเก็บไว้นานมากแล้วครับ 4-5 ปีแล้วล่ะ ซื้อไว้หลังคบเขา จริงๆ ไม่เชิงซื้อให้เขา (ยิ้ม) ก็ซื้อไว้ให้เขาน่ะแหละ เคยเอาให้เขาดูว่าตั้งใจจะให้นะ และเพิ่งมาใส่ตัวเรือน ซึ่งตัวเรือนเป็นแบบเดียวกับที่คุณพ่อให้ในวันแต่งงานครับ คือเคยเอาแหวนคุณแม่มาให้เขาลองไซส์และถามว่าชอบแบบไหม เขาก็บอกว่าแบบสวย ก็ดีครับไม่ต้องออกแบบเหนื่อย
จ๋า : ถามว่าชอบไหมชอบสิคะ อั๋นให้อะไรก็ชอบหมด (หัวเราะ)
วางแผนเรื่องทายาทยังไงบ้าง?
จ๋า : จริงๆ คิดว่าอายุเยอะแล้วค่ะ คิดว่าจะรีบมีทายาทค่ะ เหมือนอยู่ในวัยที่ต้องพยายาม
อั๋น : คืออยู่ในวัยที่ไข่ใบสุดท้ายกำลังมาถึงครับ (หัวเราะ)
จ๋า : (หัวเราะ) ก็คิดไว้ว่าจะตั้งใจค่ะ ถามว่าปีนี้เลยไหม เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเลยค่ะ (หัวเราะ) ก็พร้อมเลยค่ะ
อั๋น : ก็ไม่รู้จะรออะไรแล้วครับ จริงๆ มันก็เลตแล้วครับ เราก็แตะเลข 4 แล้วทั้งคู่ครับ
กังวลไหมว่าจะมีลูกยากไหม?
จ๋า : จริงๆ ไม่ค่อยกังวล เพราะจ๋าวางแผนทุกเรื่องในชีวิต เคยฝากไข่ไว้ตั้งหลายปีแล้วค่ะ
อั๋น : ถ้าเป็นเรื่องของไข่ เขาเก็บไว้เยอะมาก (หัวเราะ) แต่เราไม่เอามากดดันนะ ถ้าไม่มีพี่ว่าเราสองคนก็ไม่เดือดร้อน เราไม่เป็นทุกข์กับมัน เราก็มีความสุขได้ พี่ว่ามันเริ่มต้นจากการที่เรามีความสุขมากอยู่แล้วทั้งสองคน เหมือนเราเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วครับ ฉะนั้นเราไม่สร้างเงื่อนไขอะไรว่าต้องเป็นแบบนั้นถึงจะต้องสุขกว่านี้ ถ้าอะไรที่ดีต่อจากนี้ พี่ถือว่าเป็นโบนัสหมดเลย เพราะว่ามันเต็มแล้ว
แล้วเรื่องฮันนีมูนล่ะ?
จ๋า : คิดว่าเดี๋ยวขอทำงานก่อน พอดีมีงานอีเวนต์ที่เลื่อนมาจากปีที่แล้วของทิฟฟานี่ค่ะ เลยว่าจะขอทำงานก่อน หลังจาก มี.ค. ค่อยตั้งว่าจะไปเที่ยวที่ไหนกันค่ะ
อั๋น : จริงๆ เราไปเที่ยวกันค่อนข้างบ่อย เขาก็มีบอกว่าอยากไปไหนบ้าง เขาบอกอยากไปนิวยอร์ก แต่จริงๆ เขาไม่อยากไปฮันนีมูนเท่ากับเขาอยากไปดูโชว์หรอกครับ (ยิ้ม) เขาจะเอากลับมาทำโชว์ทิฟฟานี่ของเขา ธุรกิจทั้งนั้น แต่บังเอิญเป็นที่ที่เราชอบ และผมว่านิวยอร์กเป็นที่ที่มันจะมีเมือง แต่จริงๆ มันมีมุมโรแมนติกอยู่เยอะครับ แต่ถ้าถึงเวลามันเปลี่ยนก็เปลี่ยนครับ ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่คิดว่าอาจจะไปหลังงานมิสอินเตอร์เนชั่นแนลควีนครับ
ถามถึงการจดทะเบียนสมรส?
อั๋น : ยังไม่ได้คิดถึงตรงนั้นครับ เพราะเรายังยุ่งกับเรื่องงานต่างๆ มาก
จ๋า : ยังไม่ได้จดเลยค่ะ แต่เดี๋ยวสักพักจะเข้าไปทำเรื่องทางกฎหมายต่อ เพราะมีอะไรหลายอย่างที่ผูกพันกันตามกฎหมายเยอะมาก เพราะตัวเองต้องดูแลธุรกิจเยอะ ถ้าเปลี่ยนก็ค่อนข้างเยอะอยู่ค่ะ
พอเปลี่ยนสถานะแล้วเป็นไงบ้าง?
อั๋น : ก็ถามเขาว่าแต่งหน้านอนไหม (หัวเราะ) ล้อเล่นครับ จริงๆ แล้วเขาเป็นคนแต่งหน้าน้อยอยู่แล้วครับ แต่งตัวก็น้อย ทำผมก็สวยอยู่แค่ 2 ชม. (ยิ้ม) เราก็เลยไม่รู้สึกว่าสำคัญอะไร แต่เขาก็ดูแลตัวเองอยู่แล้ว
พอตื่นมาเจอหน้ากันเป็นไงบ้าง?
จ๋า : จ๋าเห็นเขาตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อก่อนก็เฟซไทม์อยู่ตลอดเวลา ก็รู้สึกว่าความผูกพันมันมีเยอะมากอยู่แล้วค่ะ จนมีความรู้สึกว่าคนนี้แหละที่จะรู้สึกว่าวางใจ นอนหลับค่ะ
อยากให้พูดถึงคู่ชีวิตของเราว่าประทับใจยังไงบ้าง?
จ๋า : รู้สึกว่าจริงๆ จ๋าน่าจะเป็นคนที่โชคดีนะ เพราะอายุป่านนี้แล้วผู้ชายคงหาไม่เจอแล้ว คงมีหลายเรื่องของอั๋นที่คนอื่นคิดไปเอง เลยเหลือรอดมาให้จ๋าได้ (หัวเราะ) ก็ถือว่าโชคดีค่ะ อั๋นเป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เป็นคนใจดี พิถีพิถันทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นจะวางใจในการเป็นคู่ชีวิต เพราะรายละเอียดต่างๆ เราต้องช่วยกันดู เลยคิดว่าเราโชคดีมากจริงๆ ค่ะ
อั๋น : พี่ว่ามันเป็นเรื่องความลงตัว ณ วันนี้พี่รู้สึกว่าเป็นความลงตัวที่เย็นและสบายในการอยู่ด้วยกัน เรามีการปรับตัวที่ไม่รู้สึกว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรเลย มันง่ายไปหมดเลยทุกอย่าง มันอาจจะเป็นด้วยวัยด้วยก็ได้ที่ทำให้เราสองคนรู้สึกว่ามันนิ่งพอที่จะมีสติในทุกเรื่องไปหมด เราจะหนึ่งสองสามแล้วค่อยพูด มันไม่ได้มีอะไรทำไปก่อนคิด ซึ่งพี่อั๋นว่ามันก็ดี แต่มันก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์ไปหมดหรอก มันเป็นเรื่องปกติที่เราหงุดหงิดใส่กันบ้างนิดๆ หน่อยๆ ครับ อย่างเรื่องงานแต่งงาน เรายังขัดกันไม่ถึง 3 เปอร์เซ็นต์เลย แต่ที่สุดแล้วมันเป็นความวางใจครับ
คำสัญญาที่มีต่อกัน?
อั๋น : พี่อั๋นคงไม่รู้จะสัญญาอะไร ส่วนใหญ่สิ่งที่คนอยากให้เราสัญญามักเป็นสิ่งที่มีแนวโน้มว่าจะผิดสัญญาคือทำไม่ได้ ฉะนั้นเป็นอันว่ามีแต่ความตั้งใจดีกว่า พี่อั๋นว่ามันยิ่งใหญ่กว่าสัญญาด้วยซ้ำ เพราะมันตั้งใจแล้วน่ะ ก็มีแต่ความตั้งใจที่จะทำให้มันดีที่สุดจริงๆ
จ๋า : ก็ผ่านชีวิตในเรื่องการเป็นโสดมานาน ครั้งนี้ผู้หญิงคนหนึ่งจะมีคอมมิตเมนต์ในเรื่องการสร้างครอบครัว สิ่งที่พี่ตั้งใจจริงๆ คือเรื่องการพัฒนาคนด้วย ถ้ามีลูกจะพัฒนาให้เป็นคนที่ดีต่อไปและอยู่ในสังคมที่ดีต่อไป มันเป็นเรื่องที่พี่คอมมิตกับเขาแล้วเราพยายามที่จะสร้างด้วยกัน ฉะนั้นเป็นรายละเอียดที่เราอยากจะตั้งใจจะสร้างครอบครัวให้ดีที่สุดในการเป็นคนที่อยู่ในสังคมให้ดีที่สุดค่ะ
อั๋น : มันเป็นเรื่องที่เราไม่ต้องขอด้วยซ้ำ ตั้งแต่เขาเซย์เยส พี่อั๋นก็เห็นว่าเปลี่ยน ไม่ได้หมายความว่าก่อนหน้านี้ไม่ดีนะ แต่เราเห็นถึงความตั้งใจในหลายๆ ส่วนที่เราไม่ต้องเอ่ยปาก แต่เขาทำให้ครับ.
ขอบคุณข้อมูลจาก : ไทยรัฐออนไลน์
ขอบคุณรูปภาพจาก : ไทยรัฐออนไลน์ , @unpuwanart , @jatiffany
|
