เผยเรื่องราวชวนเซอร์ไพรส์ หญิงชาวอเมริกันรายหนึ่งได้เป็นเจ้าหญิงโดยไม่คาดฝัน หลังบังเอิญพบเจ้าชายแห่งเอธิโอเปียในไนท์คลับ

           เรื่องราวของผู้หญิงธรรมดาที่บังเอิญได้พบเจ้าชายในฝัน ใคร ๆ ต่างก็คิดว่ามีแค่ในนิทานสมัยเด็กเท่านั้น แต่ใครจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริง ๆ สำหรับหญิงชาวอเมริกันรายนี้ ที่อยู่ ๆ เธอก็ได้พบกับเรื่องราวที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิต หลังจากทราบว่าชายหนุ่มที่เธอพบในไนท์คลับและออกเดทด้วยนั้น เป็นเจ้าชาย และเธอก็ได้กลายเป็นเจ้าหญิงในที่สุด 

 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 เว็บไซต์อินดิเพนเดนท์ หยิบเรื่องราวนี้มานำเสนอ โดยเผยว่า อาเรียนา ออสติน หญิงสาวเชื้อสายแอฟริกัน-อเมริกัน วัย 33 ปี พร้อมกับเพื่อนได้ไปเที่ยวที่ไนท์คลับแห่งหนึ่งในวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ และที่แห่งนั้นก็เป็นที่ที่ทำให้เธอได้พบกับชายรายหนึ่งนามว่า โจเอล มาคอนเนน หรือพระนามที่แท้จริงคือ เจ้าชายโจเอล พระราชนัดดา ของ สมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 แห่งเอธิโอเปีย จักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งเอธิโอเปีย

 เจ้าชายโจเอล เผยว่า ทรงรู้สึกถูกชะตากับออสตินตั้งแต่แรกเห็น ทรงรู้สึกว่าเหมือนเธอหลุดออกมาโฆษณา และขณะนั้นทรงคิดว่า เธอจะต้องกลายมาเป็นคู่รักอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่พระองค์ไม่ทรงเปิดเผยกับออสติน นั่นก็คือ ความจริงที่ทรงเป็นถึงเจ้าชายแห่งเอธิโอเปีย โดยออสตินทราบเพียงแค่ว่า โจเอล ทำงานเป็นทนายความ

           อย่างไรก็ดี ภายหลังจากทั้งคู่เริ่มออกเดทกันอย่างจริงจัง เจ้าชายโจเอลก็ทรงเปิดเผยความจริงเรื่องสถานะให้เธอทราบ และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้เข้าพิธีเสกสมรสอย่างสมเกียรติ เมื่อวันที่ 9 กันยายน ที่ผ่านมา ที่โบสถ์คริสต์ในเอธิโอเปีย ต่อหน้านักบวชอย่างน้อย 13 ท่าน

สำหรับ เจ้าชายโอเจล ทรงประสูติที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี ทรงเป็นพระโอรสของ เจ้าชายเดวิด มาคอนเนน และเจ้าหญิงอเดย์ มาคอนเนน โดยทั้งสองพระองค์ได้ประทับอยู่ต่างแดน เนื่องจากมีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ และโค่นล้มระบอบกษัตริย์ โดยขณะนั้นเจ้าชายเดวิด ซึ่งเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 ทรงหลบหนีการนองเลือดมาได้ เนื่องจากทรงศึกษาอยู่ที่ต่างประเทศ จากนั้นได้ทรงสร้างครอบครัวใหม่ขึ้นที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

           แต่เดิม เอธิโอเปียปกครองโดยระบอบกษัตริย์มายาวนาน โดยในสมัยของสมเด็จพระจักรพรรดิเฮลี เซลาสซีที่ 1 ทรงปกครองเอธิโอเปียมา 40 ปี กระทั่งในปี พ.ศ. 2517 เกิดความวุ่นวายและมีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจ โค่นล้มระบอบกษัตริย์ และเปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐแบบสังคมนิยม ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ในปัจจุบัน

ขอบคุณข่าวจาก Kapook.com
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Joel D Makonnen , Ariana Austin
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก nytimes.com