Top
^
แต่งงาน > แต่งงาน Wedding > อัญมณีประจำเดือนเกิด
 

อัญมณีประจำเดือนเกิด

โพส :: [ 27 ตุลาคม 2552 ] | จำนวนคนอ่าน 14442 คน
เรียบเรียงโดย :

อัญมณีประจำเดือนเกิด โบราณว่า สามารถเป็นพลังบำบัด และเป็นเครื่องรางได้ด้วย

มกราคม - โกเมน

แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก
โกเมนเป็นอัญมณีในตระกูล Garnet มีความแข็ง 7 – 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว คำว่า Garnet มาจากภาษาละตินว่า Granatus แปลว่า เหมือนเมล็ดพืชผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าอัญมณีชนิดนี้มีสีแดงเพียงสีเดียวตามคำกลอนนพรัตน์ "แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก " แต่จริง ๆ แล้ว แต่อัญมณีชนิดนี้มีสีมากถึง 15 สียกเว้นสีน้ำเงิน ส่วนสีแดงเป็นสีของโกเมนที่มีมากที่สุดประเภทที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับ คือ อัลมานไดน์ (Almandine) มีสีแดงเข้มสีแดงอมน้ำตาล หรืออมม่วง และไพโรบ (Pyrope) มีสีแดงสดซึ่งสอดคล้องกับรากศัพท์ภาษากรีกโบราณที่แปลว่า ไฟ
ด้วยความที่เป็นอัญมณีสีแดงที่เกิดจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบและบางครั้งก็มีสีสันสวยงามมากจึงทำให้บางคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นทับทิม แต่โกเมนต่างกับทับทิม คือโกเมนส่วนใหญ่มีสีแดงอมน้ำตาล แต่ทับทิมมีสีแดงสดใสและโกเมนมีความแข็งน้อยกว่าทับทิม
โกเมนเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ กล่าวกันว่า โนอาห์ (Noah) ผู้พาสิ่งมีชีวิตหนีน้ำท่วมโลก ใช้โกเมนประดับเรือเรืออาร์ค (Ark) เพื่อให้แสงสว่างในการเดินทางในตอนกลางคืน ชาวอียิปต์ ชาวกรีกและชาวโรมันก็ใช้โกเมนมาทำเป็นเครื่องประดับ ในสมัยวิคตอเรียอัญมณีสีแดงชนิดนี้เป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับด้วยเช่นกัน
เครื่องรางป้องกันภัย
นักเดินทางในสมัยโบราณมักจะพกโกเมนติดตัวไว้เพราะเชื่อกันว่าสามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายต่างๆ และช่วยส่องแสงในตอนกลางคืนด้วย แต่ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์พบว่าเกิดจากการหักเหของแสง โกเมนยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความศรัทธาอีกด้วยบ้างก็เชื่อกันว่าทำให้ผู้สวมใส่อายุยืน
ทางด้านการบำบัด โกเมนเป็นอัญมณีสีแดงจึงมีพลังช่วยรักษาสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิตช่วยกระตุ้นผู้ที่มีความเฉื่อยชาทางเพศ นอกจากนี้โกเมนยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ ดังนั้นหากนำไปให้ผู้ที่มีปัญหาซึมเศร้าสวมใส่โกเมนจะช่วยกระตุ้นให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นเพิ่มความเข้มแข็งให้กับผู้ใส่ ไพโรป โกเมน (Pyrope Garnet)ตำนานเกิดโกเมน
ตามคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่าอัญมณีสีแดงชนิดนี้เกิดจากเล็บเท้าของอสูรชื่อวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่นๆชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆส่วนเล็บเท้าของอสูรวลาที่หล่นลงมาบนโลกมนุษย์นั้นได้รับการบูชาจากพญานาคแล้วปล่อยลงบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
แหล่งที่พบโกเมน
จากตำนานการเกิดโกเมนส่วนเล็บเท้าของมารวลาบนเทือกเขาหิมาลัยได้กลายเป็นแหล่งที่พบโกเมนมากในปัจจุบันนั่นคือ ศรีลังกา อินเดีย นอกจากนี้ยังพบโกเมนที่ออสเตรเลีย แอฟริกาสาธารณรัฐเชคด้วย ส่วนในประเทศไทยพบโกเมนคุณภาพดีที่จันทบุรี ตราดและยังพบที่เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย ตาก กำแพงเพชรบ้าง
 

 

กุมภาพันธ์ - อเมธิส

อะมีทิสต์ อัญมณีศักดิ์สิทธิ์
อะมีทิสต์ (Amethyst) เป็นอัญมณีสีม่วงที่เกิดจากซิลิคอนออกไซด์อยู่ในแร่ตระกูลควอร์ตซ์ (Quartz) ซึ่งเป็นแร่ที่มีมากที่สุดในโลก มีความแข็ง 7 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว สีของมันมีตั้งแต่สีม่วงอ่อนไปจนถึงสีม่วงเข้มสำหรับอะมีทิสต์สีอ่อน เรียกว่า Rose de France ส่วนสีเข้ม เรียกว่า ม่วงดอกตะแบก
อะมีทิสต์เป็นที่รู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อ 5,000 ปีที่แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะอัญมณีศักดิ์สิทธิ์สำหรับการสักการะชาวอียิปต์โบราณนับถืออะมีทิสต์มากมีการฝังแอเมทิสต์ทรงหัวใจไว้ในสุสานของฟาโรห์จำนวนมากตามคำสอนในคัมภีร์แห่งความตาย (The Book of the Dead) ส่วนทางด้านศิลปะชาวอียิปต์ได้สลักรูปแมลงจากอัญมณีสีม่วงนี้
ในคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้กล่าวถึงอะมีทิสต์ว่าเป็น 1 ในอัญมณี 12 ชนิดที่ประดับลงบนจีวรของพระชั้นผู้ใหญ่ ดังนั้น ต่อมาอะมีทิสต์จึงกลายเป็นอัญมณีที่ใช้แสดงฐานะพระชั้นผู้ใหญ่ของคริสตจักรสังเกตได้จากแหวนของพระสันตปาปาและแหวนของพระที่มีบรรดาศักดิ์สูงแหวนของพระเหล่านี้ประดับด้วยอะมีทิสต์ทั้งสิ้นส่วนบนเสื้อพิธีของบาทหลวงก็ประดับอะมีทิสต์ลงไป จนปัจจุบันนี้อะมีทิสต์กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของบาทหลวง นอกจากนี้โบสถ์ในยุคกลางก็ประดับประดาไปด้วยอะมีทิสต์เช่นกัน (และเพราะเชื่อกันว่าสีม่วงเป็นสีแห่งความศรัทธาในศาสนา) อัญมณีแห่งความมีสติ
อัญมณีแห่งความมีสติ
อะมีทิสต์มีคุณสมบัติช่วยคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายเช่นเดียวกับโกเมนในสมัยก่อน บรรดาทหารจึงนิยมสวมใส่อัญมณีสีม่วงนี้เพื่อช่วยให้มีชัยเหนือศัตรู
ทางด้านการบำบัด อะมีทิสต์เป็นอัญมณีสีม่วงซึ่งเป็นสีแห่งจิตวิญญาณจึงมีพลังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสช่วยขจัดความคิดที่ชั่วร้ายและชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ก่อให้เกิดสมาธิและการเรียนรู้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคนอนไม่หลับหากวางอัญมณีชนิดนี้ไว้ใต้หมอนจะช่วยให้หลับง่ายขึ้นหรือหากวางไว้บนหน้าผากจะช่วยรักษาอาการปวดศีรษะด้วยแอเมทิสต์ยังมีพลังช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ดังนั้นจึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด
"Amethyst" มาจากคำว่า "Amethystos" ในภาษากรีก แปลว่า การมีสติ ไม่มึนเมาจึงเชื่อกันว่าแอเมทิสต์มีคุณสมบัติทำให้ไม่เมาอีกด้วยชาวโรมันเชื่อว่าหากดื่มเหล้าจากจอกแอเมทิสต์หรือแช่อัญมณีชนิดนี้ไว้ในเหล้าจะช่วยให้ไม่ให้เมา ในปัจจุบันถ้วยไวน์ในบางแห่งจึงยังคงแกะสลักจากแอเมทิสต์
ทางด้านความรัก คนโบราณเชื่อกันว่าถ้านำอะมีทิสต์รูปหัวใจประดับบนเรือนทองคำหรือเงิน และบ่าวสาวมอบให้แก่กันและกันทั้งคู่จะมีชีวิตรักที่มีความสุขตลอดไป อะมีทิสต์ (Amethyst)ตำนานเกิดอะมีทิสต์
ตำนานการเกิดของอะมีทิสต์เกิดขึ้นเมื่อวันหนึ่ง เทพไดโอนิซุส (Dionysius) เทพเจ้าแห่งเมรัยทรงกริ้วที่มนุษย์ไม่สนใจพระองค์จึงสาปแช่งให้มนุษย์คนต่อไปที่เดินผ่านมาถูกเสือฆ่า แต่ผู้ที่เดินผ่านมา คือสาวน้อยชื่ออะมีทิสต์ (Amethyst) ซึ่งกำลังเดินทางไปสักการะเทพธิดาไดอานา (Diana) เมื่ออะมีทิสต์ เห็นเสือเข้ามาใกล้จึงร้องขอให้เทพธิดาไดอานาช่วยเทพธิดาไดอานาจึงเสกให้อะมีทิสต์กลายเป็นผลึกแก้วควอทซ์เมื่อเทพไดโอนิซุสทรงทราบถึงเจตนาของอะมีทิสต์ก็รู้สึกละอายพระทัยจึงทรงเทเหล้าองุ่นลงบนร่างของอะมีทิสต์เพื่อเป็นการไถ่โทษทำให้ร่างของเธอกลายเป็นสีม่วง และกลายมาเป็นอัญมณีสีม่วงนี้ที่เรารู้จักกัน

 

 

 มีนาคม - อความารีน

 
 
 
 อะควอมารีน ของขวัญจากทะเล
อะควอมารีน (Aquamarine) อัญมณีสีฟ้าใสนี้อยู่ในตระกูลเบริล (Beryl) ตระกูลเดียวกันกับมรกตจึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ และมีความวาวแบบแก้วเช่นเดียวกัน
คำว่า "Aquamarine" นั้นมาจากภาษาละติน แปลว่าน้ำทะเลซึ่งเป็นสีของอัญมณีชนิดนี้นั่นเองสีของอะควอมารีนซึ่งเกิดจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบมีตั้งแต่สีฟ้าอมเขียวไปจนถึงสีเขียวอมฟ้า แต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือสีฟ้าที่ไม่มีสีเขียวปนอยู่เลยหรือสีน้ำทะเลซึ่งเป็นสีที่หายากจึงมีการปรับปรุงคุณภาพของอะควอมารีนโดยการเผาเพื่อขจัดสีเขียวออกไปจึงอาจกล่าวได้ว่าอะควอมารีนในปัจจุบันนี้ล้วนผ่านการปรับปรุงคุณภาพด้วยวิธีนี้มาแล้วทั้งสิ้น
ด้วยสีฟ้าใสที่เย็นตาของอะควอมารีน จึงเป็นอัญมณีที่ดึงดูดใจหญิงสาวทั่วโลกนอกจากนี้ยังเป็นอัญมณีที่บรรดานักออกแบบชื่นชอบและเลือกนำไปทำเป็นเครื่องประดับต่างๆ มากมาย เครื่องรางนำโชคของนักเดินเรือ
จากนิทานเก่าแก่ของอิตาลี ได้กล่าวไว้ว่า เทพเนปจูนเทพแห่งมหาสมุทรได้มอบอะความารีนให้เป็นของกำนัลแก่นางเงือกเสมอนักเดินเรือในสมัยโบราณเชื่อว่าอะความารีนเป็นหินนำโชคสามารถคุ้มครองพวกเขาจากภยันตรายต่าง ๆ จากทะเลได้ และยังช่วยไม่ให้เมาคลื่นด้วยพอถึงยุคกลางของยุโรป เชื่อกันว่าอะความารีนจะช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเอาชนะความชั่วร้ายที่เข้ามารังควานได้
อัญมณีสีฟ้าเป็นสีที่ให้ความรู้สึกสงบ มองดูเยือกเย็นมีพลังในการขจัดความสับสนวุ่นวายภายในจิตใจได้ ดังนั้นหากสวมใส่อะความารีนไว้ก็จะช่วยคลายความวิตกกังวล หรือความคิดด้านลบออกไปได้นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มความรู้สึกไว้วางใจกัน ความเข้าใจกันทำให้สัมพันธภาพยั่งยืนนานหากคู่รักเลือกใส่อะความารีนก็จะช่วยให้ชีวิตแต่งงานมีความสุข
ทางด้านการบำบัดรักษาอะความารีนมีพลังช่วยบรรเทาการเจ็บป่วยที่เกิดจากความร้อนได้ด้วย เช่น ไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือลดไข้ ช่วยบรรเทาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับระบบประสาทและลำคอ
แหล่งที่พบอะควอมารีน
แหล่งที่พบอะควอมารีนมากที่สุด คือ บราซิล รองลงมาคือ ประเทศในแถบแอฟริกา เช่นไนจีเรีย โมซัมบิก มาดากัสการ์ และยังพบได้ที่ อัฟกานิสถาน ปากีสถานกลับสู่หน้าหลักการดูแลรักษา
การดูแลรักษา
การดูแลรักษาอะความรีนนั้นทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใช้น้ำสบู่อุ่น ๆล้างแล้วใช้ผ้าเช็ดให้สะอาด ปล่อยให้แห้งระวังผงฝุ่นหรืออัญมณีชนิดอื่นที่มีความแข็งมากกว่า เพราะอาจทำให้เป็นรอยขูดขีดได้และหลีกเลี่ยงจากความร้อนสูงเพราะอาจทำให้มลทินภายในอะความารีนขยายตัวและอาจทำให้แตกได้
 

เมษายน - เพชร

เพชร อัญมณีที่แข็งแกร่ง
เพชร (Diamond) คือ อัญมณีอันเป็นที่ปรารถนาของผู้คนทุกยุคทุกสมัยเพราะเป็นอัญมณีที่มีทั้งความงดงามและความแข็งแกร่งเกินกว่าจะหาอัญมณีชนิดอื่นใดมาเทียบได้
มนุษย์เรารู้จักเพชรตั้งแต่เมื่อ 2,000 ปีที่แล้วโดยขุดพบครั้งแรกที่ประเทศอินเดียอินเดียจึงกลายเป็นศูนย์กลางผลิตและจำหน่ายเพชรตั้งแต่นั้นมาต่อมาตลาดเพชรเริ่มขยายตัวไปสู่ยุโรปเมื่อวาสโก ดากามาค้นพบเส้นทางการเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป (Cape of Good Hope) ทำให้เกิดเส้นทางการค้าระหว่างอินเดียกับยุโรปขึ้น
ส่วนผู้ที่ทำให้เพชรเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วยุโรป คือ แอ็กเนส โชเวลเธอได้สวมใส่เพชรเป็นเครื่องประดับไปในงานของราชสำนักฝรั่งเศสเป็นคนแรกทำให้ผู้คนในงานได้ประจักษ์ถึงประกายอันงดงามของอัญมณีชนิดนี้และต่อมาเพชรจึงแพร่กระจายไปทั่วโลก เป็นที่นิยมกันอยู่ทุกวันนี้
อัญมณีแห่งอำนาจ
เพชร หรือ Diamond เป็นคำที่มาจากภาษากรีกว่า Adamas แปลว่า ไม่มีใครเอาชนะได้ส่วนในภาษาไทย เพชร มาจากคำว่า วัชระ ในภาษาสันสกฤตซึ่งแปลว่า สายฟ้าหรืออาวุธของพระอินทร์เชื่อกันว่าเพชรจะช่วยให้ผู้ที่สวมใส่มีชัยชนะเหนือผู้อื่นเสมอและเพชรยังมีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครองผู้นั้นให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวงทำให้ชีวิตมีความเจริญรุ่งเรือง ประสบแต่โชค นอกจากนี้เพชรยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก
ทางด้านการบำบัดรักษา
เพชรช่วยป้องกันการอักเสบตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้สำหรับผู้ที่สูญเสียความมั่นใจหรือต้องการความกล้าหาญเพชรมีพลังช่วยกระตุ้นให้เกิดความมั่นใจในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่าง ๆอย่างมีสติ และยังช่วยชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ด้วย เพชร
กำเนิดเพชร
ตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่าเพชรเกิดจากชิ้นส่วนกระดูกทั้งหมดของอสูรวลาที่ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์แต่ในทางวิทยาศาสตร์ เพชรเป็นผลึกบริสุทธิ์ของธาตุคาร์บอน (C) ที่อยู่ในส่วนลึกลงไปในเปลือกโลกธาตุคาร์บอนเหล่านี้โดนความร้อนและแรงดันมหาศาลเป็นเวลานานหลายล้านปีทำให้เกิดการเรียงตัวใหม่อย่างมีระเบียบและตกผลึกเป็นผลึกเพชรเมื่อภูเขาไฟระเบิดขึ้นเพชรจึงเคลื่อนตัวขึ้นสู่เปลือกโลกให้มนุษย์ได้ค้นพบคุณค่าของมัน
เพชรคุณภาพดีมีสีขาวบริสุทธิ์หรือไร้สี ไม่มีตำหนิใด ๆ ทั้งสิ้นแต่เพชรส่วนใหญ่มักจะมีสีขาวอมเหลือง เพชรสีขาวบริสุทธิ์จึงมีราคาสูงเพราะหายากอย่างไรก็ตาม ยังมีเพชรอีกประเภทหนึ่งที่มีราคาสูงและหายากกว่าเพชรสีขาวบริสุทธิ์นั่นคือ เพชรสี เพชรสีมีหลายสี เช่น เหลือง ส้ม น้ำตาล แดง ชมพู เขียว น้ำเงินยิ่งเพชรสีมีสีเข้มมากเท่าไร มูลค่าก็สูงตามไปด้วย
แหล่งที่พบเพชร
แหล่งที่พบเพชรมากมากที่สุด คือ ประเทศคองโก นอกจากนี้ยังพบได้ที่ประเทศบราซิลประเทศในแถบแอฟริกา รัสเซีย อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย
การดูแลรักษา
สำหรับการดูแลรักษาเพชรนั้นทำได้ง่าย เพียงแค่ล้างด้วยน้ำยาล้างอัญมณีหรือล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆและอย่าเก็บเพชรไว้ปนกับอัญมณีชนิดอื่นหรือปนไว้กับเพชรด้วยกันเพราะอาจทำให้อัญมณีชนิดอื่นเกิดรอยขูดขีดได้ หรือถูกเพชรด้วยกันขูดขีดเป็นรอย

 

 

พฤษภาคม - มรกต

มรกต อัญมณีแห่งโชคลาภและความรุ่งเรือง
มรกต (Emerald) เป็นอัญมณีในตระกูลเบริล (Beryl) ซึ่งเป็นอัญมณีตระกูลเดียวกันกับอะความารีน (Aquamarine) จึงมีความแข็ง 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว
มรกตเป็นอัญมณีที่มนุษย์รู้จักมาตั้งแต่สมัยอียิปต์ มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าพระนางคลีโอพัตราเคยเป็นเจ้าของเหมืองมรกตใกล้ทะเลแดงในอียิปต์และจากการขุดค้นทางโบราณคดี พบว่ามีการแกะสลักมรกตเป็นรูปตัวด้วงและแมลงมีปีกต่าง ๆด้วย บนมงกุฎของพระเจ้าซาร์ (Czar) กษัตริย์แห่งรัสเซียก็ประดับด้วยมรกตด้วย
คำว่า "Emerald" มาจากภาษากรีกว่า Smaragdos แปลว่า หินสีเขียว สีเขียว คือสีที่เป็นต้นกำเนิดของสิ่งมีชีวิต สีแห่งความอุดมสมบูรณ์จึงเชื่อกันว่ามรกตนำมาซึ่งโชคลาภ ความร่ำรวยชาวเปรูในสมัยก่อนนับถือมรกตเป็นอัญมณีศักดิ์สิทธิ์เชื่อกันว่ามีอำนาจปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ได้ด้วยความศรัทธาของชาวเปรูพวกเขาได้สร้างศาลเจ้าที่เก็บมรกตจำนวนมากเพื่อสักการะบูชาอัญมณีชนิดนี้
สีของมรกตเป็นสีที่เย็นตา จึงมีผลดีต่อสายตา นอกจากนี้มรกตยังมีพลังช่วยบำบัดอาการอักเสบต่าง ๆ ช่วยรักษาโรคติดเชื้อเรื้อรังสำหรับผู้ที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักหรือผู้ที่เพิ่งฟื้นจากการเจ็บป่วยหากสวมใส่มรกต อัญมณีชนิดนี้จะช่วยคืนพลังได้
มรกตยังเป็นอัญมณีที่เทพธิดาวีนัส เทพธิดาแห่งความรักโปรดปรานมากเชื่อกันว่ามรกตมีพลังอำนาจทำให้คู่รักมีความซื่อสัตย์ต่อกันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความรักที่จริงใจ เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญวันแต่งงาน
ตำนานกำเนิดมรกต
คัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่ามรกตเกิดจากน้ำดีของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ น้ำดีเหล่านี้ถูกพญานาคชื่อ วสุกีนำไปแต่ระหว่างทางที่ลงจากสวรรค์ พญานาควสุกีถูกพระครุฑและพญาหงส์ขัดขวางไว้ทำให้พญานาควสุกีกลัวและทำน้ำดีร่วงหล่นลงมาบริเวณเทือกเขามณิกยาหรือบริเวณแนวภูเขาของแอฟริกาใต้กับอเมริกาใต้ในปัจจุบัน และบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
แหล่งที่พบมรกต
จากบริเวณต่าง ๆ ที่พญานาควสุกีทำน้ำดีร่วงลงมา ได้กลายมาเป็นแหล่งมรกตในปัจจุบัน ประเทศที่มีมรกตมากที่สุด คือประเทศโคลัมเบียซึ่งขุดเหมืองมรกตกันตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เหมืองที่มีชื่อ ได้แก่เหมือง Muzo เหมือง Gachala นอกจากโคลัมเบียแล้ว แหล่งมรกตยังมีที่ประเทศซิมบับเวบราซิล โรดีเซีย แถบไซบีเรียในประเทศรัสเซีย อินเดียและปากีสถาน
ในทางวิทยาศาสตร์ มรกตมีสีเขียวเนื่องจากโครเมียมเข้าไปปนในโครงสร้างผลึกมรกตที่ดี คือมรกตที่มีสีเขียวเข้มสดใสสม่ำเสมอทั่วเม็ดไม่มีจุดดำอยู่ภายในเนื้อพลอยแต่โดยธรรมชาติของมรกตแล้วมักจะมีตำหนิภายในเนื้อพลอยเสมอนอกจากนี้มรกตยังเป็นอัญมณีที่เปราะ แตกหักง่าย จึงควรดูแลรักษาอย่างระมัดระวังไม่ควรให้ถูกกระแทกมากเกินไป หรือโดนความร้อนสูง หรือโดนกรดกัดแก้ว (Fluoricacid) อย่างไรก็ตาม มรกตยังคงเป็นอัญมณีที่เป็นที่นิยมและมีราคาสูงเพราะไม่สามารถหาอัญมณีชนิดอื่นที่มีสีเขียวสดใสอย่างมรกตมาทำเป็นเครื่องประดับแทนได้นอกจากเพชรสีเขียวซึ่งมีราคาสูงมาก
 

 

มิถุนายน - มุก

มุก...อัญมณีจากสิ่งมีชีวิต
ไข่มุก อัญมณีแห่งความบริสุทธิ์ที่สตรีทั่วโลกหลงใหลนั้นตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไข่มุกเกิดจากฟันของอสูรวลาฟันเหล่านี้ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์แล้วหลุดเข้าไปอยู่ในเปลือกหอยมุกทำให้เกิดมุกขึ้น
แต่แท้จริงแล้วไข่มุกเกิดจากการที่มีเม็ดทรายหรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในตัวหอยมุกทำให้หอยมุกเกิดความระคายเคืองจึงต้องขับน้ำมุก ” (Narce) ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ออกมาเคลือบสิ่งปลอมนั้น น้ำมุกที่หอยมุกขับออกมาทำให้สิ่งแปลกปลอมนั้นมีความแวววาวยิ่งหอยมุกขับน้ำมุกออกมาเคลือบนานเท่าไรสิ่งแปลกปลอมนั้นก็มีความแวววาวและความงดงามมากขึ้นเท่านั้น
ในปัจจุบัน มีมุกเลี้ยงซึ่งเกิดขึ้นโดยการเลียนแบบการเกิดมุกธรรมชาติ นั่นคือใส่แกนของไข่มุกเข้าไปในตัวหอยมุก แล้วนำกลับลงไปในทะเลหอยมุกก็จะขับน้ำมุกออกมาเคลือบไปเรื่อย ๆ ประมาณครึ่งปีจึงนำหอยมุกกลับขึ้นมาวิธีการเลี้ยงหอยมุกนี้พัฒนาขึ้นโดยโคคิจิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) เมื่อ ค .ศ . 1893
ไข่มุกไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวเท่านั้น ยังมีสีเหลือง สีชมพู และสีดำแต่ไม่ว่าไข่มุกจะมีสีใด ลักษณะของไข่มุกที่ดีควรมีทรงกลม แวววาวและสะอาด
มุก (Pearl)มุก... อัญมณีเลอค่า
มนุษย์เรารู้จักไข่มุกมาเป็นเวลานานแล้วเชื่อกันว่ามีการค้นพบไข่มุกครั้งแรกในบริเวณตะวันออกกลาง ว่ากันว่าพระนางคลีโอพัตราทรงใช้ตุ้มหูมุกเป็นเครื่องประดับและมักจะจุ่มตุ้มหูมุกลงไปในเหล้าองุ่นก่อนดื่มเพราะเชื่อว่าไข่มุกมีพลังช่วยคงความหนุ่มสาวเอาไว้ได้ กวีชาวกรีกนามว่า โฮเมอร์ซึ่งเป็นกวีในยุคเมื่อ 1,200 – 850 ปีก่อนคริสตศักราชได้กล่าวถึงการใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับของเทพธิดายูโนไว้ในวรรณกรรมของเขาด้วยหญิงสาวชาวโรมันก็นิยมสวมใส่ไข่มุกเช่นเดียวกันส่วนชาวจีนในสมัยก่อนใช้ไข่มุกเป็นเครื่องบอกยศถาบรรดาศักดิ์
สัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์
ไข่มุกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ด้วยสีอันนุ่มนวลงดงามของอัญมณีชนิดนี้เมื่อหญิงสาวนำมาใส่จึงช่วยกระตุ้นให้ความเป็นกุลสตรีเด่นชัดขึ้นทำให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าหากวางไข่มุกไว้ใต้หมอนจะช่วยให้คู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรได้มีบุตรสมหวังทางด้านการบำบัดรักษา ไข่มุกเป็นอัญมณีธาตุน้ำจึงเชื่อกันว่าไข่มุกมีพลังช่วยลดไข้หรือโรคที่เกิดจากความร้อนช่วยบำบัดอาการของคนที่เป็นโรคไต หอบหืด เสมหะ และระบบทางเดินหายใจไม่ปกติ
แหล่งผลิตไข่มุก
ในประเทศไทย ภูเก็ตนับเป็นแหล่งผลิตที่มีคุณภาพดีระดับโลกสามารถสนองความต้องการของตลาดโลกได้เป็นจำนวนมาก ส่วนแหล่งเพาะเลี้ยงที่อื่น เช่นญี่ปุ่น ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย พม่า จีน ฟิลิปปินส์
 
 

 

กรกฎาคม - ทับทิม

ราชาแห่งอัญมณี
มณีแดง พลอยแดง ปัทมราช รัตนราช ล้วนหมายถึง ทับทิม หรือราชาแห่งอัญมณีทั้งสิ้น ทับทิมหรือ Ruby ซึ่งแปลว่า สีแดงเป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกับไพลิน (Blue Sapphire) ด้วยความแข็งถึง 9 โมส์ (Moh) ซึ่งเป็นรองเพียงแค่เพชรสีแดงที่สดใสสะดุดตา ประกายอันเจิดจ้า ประกอบกับความเชื่อเกี่ยวกับอำนาจลึกลับจึงทำให้ทับทิมเป็นที่ปรารถนามาทุกยุคทุกสมัย
วรรณกรรมอินเดียได้บันทึกลักษณะของทับทิมไว้เมื่อ 2,000 ปีก่อนอันเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นว่ามนุษย์เรารู้จักทับทิมมาเป็นเวลานานราชวงศ์อังกฤษก็ใช้ทับทิมประดับเป็นแหวนทองราชาภิเษกโดยสลักเป็นรูปไม้กางเขนเซนท์จอร์จและรอบ ๆตัวทับทิมถูกประดับรายล้อมไว้ด้วยเพชรถึง 26 เม็ด
เครื่องรางนำโชค
กล่าวได้ว่า ทับทิม คือ อัญมณีที่ทรงคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง ในคัมภีร์ไบเบิ้ลยกย่องอัญมณีสีแดงชนิดนี้ว่าเป็นดั่งความมีสติปัญญาอันล้ำเลิศ เชื่อกันว่าผู้ใดมีทับทิมที่มีสีแดงสดใส ไม่มีตำหนิ จะทำให้ผู้นั้นมีอำนาจ ร่ำรวยสุขภาพสมบูรณ์ มีสติปัญญาดี และประสบความสำเร็จในชีวิต
ส่วนทางด้านความรัก ถือกันว่าทับทิม คือ อัญมณีที่ทำให้สุขสมหวังในความรักสีแดงของทับทิมเป็นสีแห่งความรักและอารมณ์ทับทิมจึงมีพลังช่วยกระตุ้นให้กล้าแสดงออกและกล้าแสดงความรู้สึกรักมากขึ้นทำให้สมหวังในเรื่องรัก และยังช่วยผลักดันให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ด้วยทับทิมยังถูกนำมาเป็นของขวัญในวาระครบรอบการแต่งงานปีที่ 15 และปีที่ 40
สำหรับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับเลือด เช่น โลหิตจางหรือผู้ที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศ ทับทิมมีพลังช่วยบำบัดอาการเหล่านี้ได้
ตำนานกำเนิดทับทิม
ตำนานการเกิดของทับทิมในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่าเกิดจากโลหิตของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆ สุริยเทพได้นำโลหิตของอสูรวลาเหาะท้องฟ้าแต่ถูกราวัณซึ่งเป็นพระราชาแห่งศรีลังกาผู้หยิ่งทะนงกับชัยชนะของตนเหนือเหล่าเทพยดากีดขวางไว้ ทำให้เกิดสุริยคราสและสุริยเทพทำโลหิตของอสูรวลาหล่นลงมายังสระลึกแห่งภารตะ
แหล่งผลิตทับทิม
สระลึกแห่งภารตะในปัจจุบันก็คือ พม่า ไทย เขมร เวียดนาม อินเดีย ศรีลังกาอัฟกานิสถาน ปากีสถาน และเนปาลในปัจจุบันดินแดนเหล่านี้จึงกลายเป็นแหล่งทับทิมที่สำคัญทุกวันนี้
ทับทิมที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก คือ ทับทิมโมกก (Mokok) ของพม่าเพราะมีสีแดงสดใส แต่จากการที่เหมืองในพม่าถูกรัฐบาลทหารควบคุมจึงเป็นโอกาสให้ทับทิมของไทยเริ่มเข้าสู่ตลาดโลกทับทิมที่ขุดพบในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสีแดงอมม่วง แดงอมน้ำตาล และแดงดำหรือเรียกกันว่า ทับทิมสยาม เมื่อผ่านกรรมวิธีการเผา ทับทิมเหล่านี้จะมีสีแดงสดใสไร้มลทินเป็นที่ต้องการของตลาดประเทศไทยจึงกลายเป็นแหล่งผลิตทับทิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพราะผลิตได้มากถึง 80 % นอกจากนี้ ทับทิมยังพบได้ที่อเมริกา ออสเตรเลีย แอฟริกา เคนยา
สีแดงที่สดใสของทับทิมนั้นเกิดจาการที่มีโครเมียมปะปนอยู่ในผลึกแต่ในช่วงเวลาหลายล้านปีก่อนที่ทับทิมเริ่มก่อตัวขึ้นก็เกิดรอยแยกจำนวนมากอยู่ภายในผลึกทับทิมเช่นเดียวกันดังนั้น การขุดหาทับทิมขนาดใหญ่กว่า 3 กะรัตที่มีสีแดงสด และไร้มลทินจึงทำได้ยากจึงเป็นสาเหตุให้ทับทิมเป็นอัญมณีที่มีมูลค่าสูงไม่เปลี่ยนแปลง
 

 

สิงหาคม - เพอริดอท

เพอริโด อัญมณีแห่งความกล้าหาญ
เพอริโดเป็นอัญมณีแปลกประหลาดที่นอกจากจะพบได้ตามชั้นหินอัคนีในโลกแล้วยังพบได้จากลูกอุกกาบาตนอกโลกที่ตกลงมาบนโลกของเราด้วย
คำว่า เพอริโด (Peridot) เป็นภาษาฝรั่งเศส เป็นอัญมณีในตระกูลโอลิวีน (Olivine) ซึ่งแปลว่า สีเขียวมะกอก มีความแข็ง 6.5 – 7 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วสีของเพอริโดมีทั้งสีเขียวอมเหลือง สีเขียวใส สีเขียวอมเทา สีเขียวอมน้ำตาลแต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สีเขียวใสบริสุทธิ์
ในสมัยอียิปต์โบราณ มีการทำเหมืองเพอริโดบนเกาะ Zeberget แต่ต้องทำกันในเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะในเวลากลางวันจะมองไม่เห็นแร่ชนิดนี้ส่วนชาวโรมันเรียกเพอริโดว่า Evening Emerald เพราะเมื่อใช้ตะเกียงส่องหาแร่ชนิดนี้ในเวลากลางคืนก็ยังคงมองเห็น ต่อมาในยุคกลางมีการนำเพอริโดไปประดับตามโบสถ์สันนิษฐานว่าชาวยุโรปที่ไปร่วมรบในสงครามครูเสดเป็นผู้ที่นำเพอริโดเหล่านี้กลับมา
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมากมายเชื่อกันว่าเพริโดต์มีพลังสามารถขับไล่วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ และช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ด้วยนักรบสมัยโบราณจึงมักจะพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้เพริโดต์มีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมใส่เข้มแข็ง กล้าหาญและหากนำเพริโดต์ไปประดับกับทองจะยิ่งทำให้เพริโดต์มีพลังมากขึ้น
ทางด้านความรัก จากพลังของเพริโดต์ที่นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคงจึงทำให้คู่แต่งงานที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้มีความสุขในชีวิตแต่งงานทางด้านการบำบัดรักษา เพริโดต์ช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่นช่วยในการดูดซึมอาหาร ช่วยการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ ตับอ่อนและรักษาโรคหอบหืดได้เพอริโด
แหล่งที่พบเพอริโด
แหล่งของเพริโดต์พบมากที่เมืองโมกก ประเทศพม่า เกาะเซนต์จอห์นในทะเลแดงรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จีน ศรีลังกาและล่าสุดมีการขุดพบเพริโดต์คุณภาพดีที่ปากีสถาน
 

 

กันยายน - ไพลิน

ไพลิน อัญมณีแห่งคุณธรรม
ไพลิน (Blue Sapphire) เป็นอัญมณีในตระกูลคอรันดัม (Corandam) ซึ่งเป็นตระกูลเดียวกันกับทับทิม จึงมีความแข็ง 9 โมส์ (Moh) และมีความวาวแบบเพชรเช่นเดียวกัน แต่ไพลินมีแร่ไททาเนียมและเหล็กปนอยู่ในผลึกจึงทำให้ไพลินมีสีน้ำเงิน ในขณะที่ทับทิมมีแร่โครเมียมปนอยู่จึงทำให้มีสีแดง
คำเรียกอัญมณีชนิดนี้ แต่เดิมนั้นคนไทยเรียกว่า นิลกาฬดังที่ปรากฏในคำกลอนนพรัตน์ที่ว่า สีหมอกเมฆนิลกาฬ แต่ต่อมาเปลี่ยนมาเรียกกันว่า ไพลิน เนื่องจาก เมื่อประมาณ 30 – 40 ปีก่อนนิลกาฬสีน้ำเงินเข้มสดที่มาจากจังหวัดไพลิน ประเทศเขมรเป็นที่ต้องการของตลาดมากเมื่อผู้ขายนำมาขายจึงต้องระบุว่ามาจากจังหวัดไพลิน จนคำว่า ไพลิน กลายเป็นคำเรียกแทน นิลกาฬ ไปโดยปริยาย ส่วนคำว่า Sapphire นั้น มาจากคำว่า Sapphiros ในภาษากรีก แปลว่า สีน้ำเงิน
อัญมณีแห่งความจริงใจ
คนในสมัยโบราณมีความเชื่อเกี่ยวกับอัญมณีชนิดนี้หลากหลาย เช่นชาวยิวเชื่อว่าไพลินเป็นเสมือนสารลับจากพระเจ้าชาวเปอร์เซียคิดว่าโลกของเราวางอยู่เหนือไพลินขนาดใญ่ ส่วนท้องฟ้า คือภาพสะท้อนสีสันอันงดงามของไพลิน
พลินเป็นสัญลักษณ์ของความมั่นคงและความซื่อสัตย์ผู้หญิงจำนวนมากจึงเลือกใช้ไพลินมาทำเป็นแหวนหมั้นนอกจากนี้ไพลินยังเป็นอัญมณีแห่งคุณธรรมอีกด้วยช่วยทำให้ผู้ที่สวมใส่มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ในความดี ช่วยควบคุมอารมณ์เพิ่มความเชื่อมั่นและความศรัทธาต่อตัวเอง ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและเช่นเดียวกับอัญมณีทรงคุณค่าชนิดอื่น ๆไพลินก็มีอำนาจช่วยปกป้องให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ ด้วย ทางด้านการบำบัดรักษาไพลินช่วยบรรเทาโรคหรืออาการทางสมอง โรคที่เกี่ยวกับประสาทและไขสันหลังผิวหนังอักเสบได้
ตำนานกำเนิดไพลิน
ในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า ไพลิน คือดวงตาของอสูรวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆส่วนดวงตานั้นได้ตกลงมายังเกาะลังกา
แหล่งที่พบไพลิน
บริเวณที่ไพลินร่วงหล่นลงมาได้กลายมาเป็นแหล่งไพลินแหล่งใหญ่ในปัจจุบัน คือประเทศศรีลังกา และบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย พม่า เขมร
ไพลินที่ดีที่สุดพบที่แคว้นแคชเมียร์ ประเทศอินเดียไพลินของแคว้นแคชเมียร์ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค . ศ . 1881 ไพลินของแคว้นนี้มีสีน้ำเงินเข้ม แลดูนุ่มนวล ไม่อมเขียวหรืออมดำ เรียกกันว่าสีน้ำเงินกำมะหยี่ (Velvety Blue) ไพลินที่ขึ้นชื่ออีกแหล่งหนึ่ง คือ ไพลินจากซีลอนหรือประเทศศรีลังกาซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับไพลินจากแคว้นแคชเมียร์
สำหรับในประเทศไทย พบไพลินมากที่จังหวัดจันทบุรีและกาญจนบุรีไพลินของไทยส่วนใหญ่มีสีน้ำเงินเข้ม น้ำเงินอมดำ อมเขียว หรืออมฟ้านอกจากนี้ยังพบไพลินที่จังหวัดแพร่ สุโขทัย ศรีสะเกษ เพชรบูรณ์บ้างประปราย
  

ตุลาคม - โอปอล

โอปอล อัญมณีสีรุ้ง
โอปอล (Opal) เป็นอัญมณีในตระกูลควอร์ตซ์ (Quatrz) เช่นเดียวกับแอเมทิสต์ซึ่งเป็นอัญมณีประจำราศีกุมภ์ มีความแข็ง 5 – 6 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วและยางสน มีหลายสีด้วยกัน เช่น สีขาว แดง เหลือง เขียว ม่วง ดำแต่ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด คือ โอปอลไฟ
จากสีสันลวดลายอันงดงามที่พาดผ่านบนตัวโอปอลนี้ ทำให้นักประวัติศาสตร์ ไพลนี (Pliny) ชื่นชมไว้ว่า มันคือศูนย์รวมความงามของเหล่าอัญมณีเพราะประกอบด้วยเปลวไฟสีแดงจากทับทิม ประกายสีม่วงเหมือนแอเมทิสต์และสีเขียวน้ำทะเลจากมรกต
คำว่า Opal มาจากภาษาสันสกฤตว่า Upula แปลว่า หินมีค่าโอปอลเป็นที่รู้จักมาเป็นเวลานานหลายพันปีมาแล้ว โดยเฉพาะประเทศในแถบตะวันตกนักโบราณคดีชื่อ Louis Leaky ขุดพบเครื่องประดับโอปอลที่เก่าแก่ที่สุดซึ่งมีอายุถึง 6,000 ปี ในถ้ำที่ประเทศเคนยา มงกุฎของกษัตริย์แห่งอาณาจักร Holy Roman ประดับด้วยโอปอลชื่อ Orphanus มงกุฎของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสก็ประดับด้วยโอปอลเช่นกันอัญมณีสีรุ้งนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักเขียนในสมัยก่อนมากมาย เช่น วิลเลียมเช็คสเปียร์ (William Shakespeare) เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต (Sir Walter Scott) ก่อให้เกิดภาพลักษณ์ใหม่ ๆ แก่โอปอล
สัญลักษณ์แห่งความหวังของชาวตะวันตก
ชาวตะวันตกเชื่อกันว่าโอปอลเป็นหินแห่งโชคลาง มีความเกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์สามารถบอกเหตุล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุดีหรือเหตุร้ายโอปอลยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง เพราะมันเต็มไปด้วยสายรุ้งแห่งความหวังผู้ที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้จะสมหวังในสิ่งที่ต้องการ ชาวอาหรับเชื่อว่าโอปอล คืออัญมณีที่ตกลงมาจากสวรรค์
ทางด้านการบำบัด หากสตรีมีครรภ์สวมใส่โอปอลจะช่วยให้คลอดบุตรง่ายหากทำเป็นเครื่องประดับผมจะช่วยให้ผมดำเงางาม ในยุคกลางเชื่อกันว่าโอปอลทำให้สายตาดี หากกลัดเป็นเข็มกลัดไว้ที่หน้าอกจะช่วยให้ปอดดีขึ้น
ตำนานการเกิดโอปอล
สีสันหลากหลาบนโอปอลมีตำนานเล่าขานกันว่า เทพแห่งดวงอาทิตย์ เทพแห่งไฟและเทพแห่งสวรรค์หลงรักผู้หญิงคนเดียวกัน ทำให้เทพทั้งสามบาดหมางกันเทพเจ้าซีอุสจึงแก้ปัญหาโดยสาปหญิงผู้นั้นให้กลายเป็นหมอกแต่เทพทั้งสามกลับกลัวว่าตนเองจะจำหญิงผู้นั้นไม่ได้เทพแห่งดวงอาทิตย์จึงให้สีทองแก่นาง เทพแห่งไฟให้สีแดงส่วนเทพแห่งสวรรค์ให้สีน้ำเงิน เทพซีอุสเห็นว่าเรื่องราววุ่นวายมากขึ้นจึงเสกให้ร่างของหญิงสาวกลายเป็นโอปอล ตั้งแต่นั้นมาโอปอลจึงมีสีสันสวยงามดังที่เห็น
ในทางวิทยาศาสตร์การที่โอปอลมีสันหลากหลายนั้นเกิดจากอนุภาคของทรายซึ่งเป็นส่วนประกอบของโอปอลเรียงตัวไม่เป็นระเบียบทำให้เกิดช่องว่างภายในเป็นโพรงเล็ก ๆ และมีน้ำแทรกอยู่ในช่องว่างจึงเกิดแสงสะท้อนให้เห็นเป็นสีสันต่าง ๆ มากมาย
แหล่งที่พบโอปอล
โอปอลพบมากที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย แหล่งอื่น ๆ ที่พบ เช่นประเทศฮังการีซึ่งเคยเป็นเหมืองโอปอลในอดีต ประเทศเม็กซิโก ฮอนดูรัส เนวาดาส่วนในประเทศไทยพบที่จังหวัดลพบุรี ลำปาง โคราช

 

พฤศจิกายน - โทแพซ

 
โทแพส อัญมณีแห่งมิตรภาพ
โทแพส (Topaz) เป็นอัญมณีที่มีความแข็ง 8 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้วจัดว่าเป็นอัญมณีที่มีความแข็งพอสมควร เหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะทนต่อรอยขีดข่วน คำว่า “Topaz” มาจากคำว่า Topas แปลว่า ไฟ ประกายหรืออาจจะมาจากคำว่า Topazion ซึ่งเป็นชื่อเกาะในทะเลแดงซึ่งเป็นสถานที่แรกที่ขุดพบพลอยชนิดนี้
โทแพสที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ โทแพส Braganza ซึ่งประดับอยู่ที่มงกุฎของกษัตริย์แห่งโปรตุเกสโทแพสไม่ได้มีเพียงสีเหลืองสีเดียวเท่านั้น แต่ยังมีสีสันอื่น ๆ อีก เช่น สีน้ำตาลสีส้ม สีลูกเชอร์รี่ สีแดง สีชมพู นอกจากนั้น ยังมีโทแพสสีฟ้าเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งสีแต่โทแพสสีนี้เกิดจากการฉายรังสีโทแพสขาวให้เกิดสีฟ้าขึ้น
ชาวอียิปต์เชื่อว่าสีของโทแพสเกิดจากแสงสีทองของเทพราซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์ทาบทาลงไปโทแพสจึงเป็นเครื่องรางที่มีพลังขจัดสิ่งชั่วร้ายได้และความลุ่มหลงต่าง ๆ ได้ชาวโรมันก็เชื่อว่าโทแพสมีความเกี่ยวข้องกับเทพจูปิเตอร์ซึ่งเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์เช่นกัน
โทแพสเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ สิริมงคลของการสวมใส่อัญมณีชนิดนี้ คือ มีเสน่ห์เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น ชีวิตรุ่งเรือง โทแพสยังมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคหวัดวัณโรค หอบหืด และช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้นหากวางไว้ใต้หมอนขณะนอนหลับจะช่วยให้ร่างกายมีพลังในการทำงาน ยังเชื่อกันอีกว่าอัญมณีสีทองนี้จะเปลี่ยนสีหากอาหารหรือเครื่องดื่มมียาพิษ
แหล่งที่พบ โทแพส
โทแพสพบมากที่ประเทศบราซิล ศรีลังกา ไนจีเรีย รัสเซีย มาดากัสการ์ พม่า ซีลอนไทย

 

 

ธันวาคม - เทอร์ควอยซ์

เทอร์ควอยซ์... หินแห่งตำนาน
สีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ คือเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนไม่ว่ายุคใดหรือวัยไหนให้หลงใหลอย่างไม่เสื่อมคลาย เทอร์ควอยซ์ (Turquoise) หรือพลอยขี้นกการเวก เป็นอัญมณีที่เป็นที่รู้จักกันมานานกว่า 5,000 ปีการขุดค้นทางโบราณคดี พบกำไลทองคำที่ประดับด้วยเทอร์ควอยซ์ อะมีทีสต์ (Amethyst) ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) ในสุสานราชวงศ์แรกของอียิปต์มัมมี่พระศพตุตันคาเมนก็ห่อหุ้มด้วยทองคำประดับอัญมณีหลากหลายชนิดรวมทั้งเทอร์ควอยซ์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ชื่อ "Turquoise" เพิ่งใช้เรียกอัญมณีชนิดนี้ในช่วงที่เกิดสงครามครูเสดเนื่องจากบรรดานักรบชาวยุโรปที่เดินทางไปร่วมรบในสงครามครูเสดได้นำอัญมณีชนิดนี้กลับมาชื่อของอัญมณีชนิดนี้แปลว่า หินจากตุรกี (Turkish Stone)
สีของเทอร์ควอยส์มีตั้งแต่สีฟ้าไปจนถึงสีเขียวอมเทาแต่ที่นิยมมากที่สุดและมีคุณภาพดีที่สุด คือ สีฟ้าของท้องฟ้าในเนื้อพลอยมักจะมีลายเส้นบาง ๆ พาดพันไปมาเป็นลวดลายสวยงามเหมือนใยแมงมุม
ผู้คนในสมัยโบราณเชื่อกันว่า เทอร์ควอยซ์เป็นหินศักดิ์สิทธิ์ เป็นหินนำโชคนำความมั่งคั่งร่ำรวยมาสู่ผู้สวมใส่บอกเหตุล่วงหน้าได้และยังเป็นเครื่องรางป้องกันภัยได้
ชาวอียิปต์และชาวแอซเท็ก (Aztec) ชนเผ่าพื้นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของเปรูเชื่อว่าเทอควอยซ์เป็นสัญลักษณ์ของความรุ่งเรืองชาวแอซเท็กใช้เทอร์ควอยซ์ประดับหน้ากากที่ใช้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น พิธีเรียกฝนชาวมุสลิมใช้เทอร์ควอยซ์มาประดับคู่กับไข่มุกบนหมวกโพกศีรษะเพื่อคุ้มครองตนจากสิ่งชั่วร้ายชาวอินเดียนแดงเชื่อว่า เทอร์ควอยซ์เป็นสัญลักษณ์แห่งท้องฟ้าเป็นดังลมหายใจและนำมาซึ่งจิตวิญญาณของท้องฟ้าและท้องทะเล ทำให้ยิงธนูได้แม่นและยังเชื่อกันว่าเทอร์ควอยซ์ที่ดีที่สุดนั้นถูกซ่อนไว้ในดินแดนที่อยู่สุดปลายสายรุ้ง
ส่วนผู้ที่ขี่ม้าในสมัยก่อนนิยมพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้เพื่อป้องกันการตกม้าความเชื่อดังกล่าวได้สืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยผู้ที่ใช้พกเทอร์ควอยซ์ คือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับเครื่องบิน หรืออาชีพอื่นที่อาจเกดอุบัติเหตุได้ง่ายและหากผู้สวมใส่กำลังตกอยู่ในอันราย เทอร์ควอยซ์จะเปลี่ยนสีแต่จากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเทอร์ควอยซ์เปลี่ยนสีไปเนื่องจากอิทธิพลของแสงเครื่องสำอาง ฝุ่น ค่า ph ของผิวผู้สวมใส่ซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีขึ้น
สีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ยังช่วยคลายเครียด ก่อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และเทอร์ควอยซ์ยังเป็นอัญมณีที่มีคุณสมบัติในด้านความรัก ความเมตตา มิตรภาพอีกด้วยนอกจากนี้เทอร์ควอยซ์มีทองแดงเป็นส่วนประกอบจึงมีคุณสมบัติช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ดีช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ อาการปวดสะโพก
แหล่งที่พบเทอร์ควอยซ์
แหล่งเทอร์ควอยส์พบมากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เม็กซิโก อิสราเอล อิหร่านอัฟกานิสถาน เปอร์เซีย เนวาดา คาบสมุทรไซนาย
การดูแลรักษา
สีสันอันสดใสของเทอร์ควอยส์ทำให้ผู้คนนิยมสวมใส่กันมาก อย่างไรก็ตามเทอร์ควอยส์มีความแข็งเพียง 6 ซึ่งจัดว่าเป็นอัญมณีเนื้ออ่อนเกิดรอยขูดขีดง่ายหรือสีจางได้จึงมีการเคลือบเทอร์ควอยส์ด้วยเรซินเพื่อทำให้เทอร์ควอยส์คงทนและมีสีสันสดใสนอกจากนี้ เมื่อใช้งานเสร็จแล้ว ควรทำความสะอาดด้วยผ้าและพยายามไม่ให้เทอร์ควอยส์โดนความร้อนสูง
 
 

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.iyawan.com

คุณถูกใจบทความไหม? LIKE
ถูกใจ Fanpage



Tags บทความที่เกี่ยวข้อง : เครื่องประดับ


คุณรู้สึกอย่างไร? กับบทความนี้ แสดงความคิดเห็น


 

Weddinginlove Showcase , Weddinginlove โชว์ผลงาน งานแต่งงาน

 
 


Grand Inn Come Hotel
Grand Inn Come Hotel
โรงแรมแกรนด์อินคำ สถานที่จัดงานแต่งงานอันดับ 1 ในพื้นที่สมุทรปราการ, ลาดกระบัง, ศรีนครินทร์และบางนา งานแต่งงานในฝันที่หร...
Thai House VENUE Changwattana (เรือนไทยแจ้งวัฒนะ)
Thai House VENUE Changwattana (เรือนไทยแจ้งวัฒนะ)
สถานที่จัดงานมงคลแห่งใหม่ บนถนนแจ้งวัฒนะ Thai House VENUE ถนนแจ้งวัฒนะ การเดินทางง่าย บรรยากาศเป็นส่วนตัว พร้อมสิ่งอำนว...
Itti Karuson
Itti Karuson
Itti Karuson has a unremitting passion for photography. Early in his career he won the best folio award at the Photograp...
Kanong Frame บริการพิมพ์ภาพ Canvas
Kanong Frame บริการพิมพ์ภาพ Canvas
คะนองเฟรม เป็นผู้ให้บริการพิมพ์ภาพลงบนผ้าใบ (canvas) เข้าเฟรมไม้ พร้อมจัดส่งถึงบ้าน ด้วยงานพิมพ์ที่มีคุณภาพ สามารถใช้งาน...
Pencillense Photographer
Pencillense Photographer
บริการถ่ายภาพ งานแต่งงาน I พรีเวดดิ้ง I งานรับปริญญา l แพ็คเกจถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง l แพ็คเกจถ่ายรูปแต่งงาน Tel : 082-144-...
Memory Studio เชียงราย
Memory Studio เชียงราย
รับตกแต่งสถานที่ Backdrop ถ่ายภาพ ตกแต่งสถานที่ แกลเลอรี่ :Package พรีเวดดิ้งพร้อมจัดเลี้ยง 200 ท่านเพียง 99,900 บาทเท่า...
ต้นข้าว เวดดิ้ง สตูดิโอ พิจิตร
ต้นข้าว เวดดิ้ง สตูดิโอ พิจิตร
ต้นข้าว เวดดิ้ง สตูดิโอ พิจิตร เจ้าของรางวัล " รองแชมป์โลก ประเภทแต่งหน้าเจ้าสาว Evening Make - Up C.A.T/C.MC. 2012 " l...
VaKa Makeup
VaKa Makeup
Beauty and woman are always inseparable , for every each of them naturally got inner unique beauty hidden inside waiting...
 
แต่งงาน แต่งงาน แต่งงาน
Wedding Directory

Follow Us :
CONTACT US
ติดต่อลงโฆษณา Tel: 08 4117 5005, 08 9128 5005, 08 4871 2132
Email: weddinginlove.com@gmail.com , info@weddinginlove.com
LINE ID: wedinloveth
เพิ่มเพื่อน

Copyright@2017 www.weddinginlove.com. All Right Reserved.