โพส :: [ 27 ตุลาคม 2552 ] | จำนวนคนอ่าน 14194 คน
เพชรเป็นอัญมณีสิริมงคล จะสามารถเสริมดวง ให้มีบารมีน่าเกรงขาม
-
การใช้คำเรียก ”เพชร” เริ่มแรกมาจากภาษาสักสกฤต พบในเอกสารโบราณ ของอินเดีย เรียกเพชรว่า “วัชระ” หรือสายฟ้า ดังนั้น คำว่า ”เพชร” จากอินเดีย สู่ไทย จึงกลายจาก ”วัชระ” มาเป็น ”พัชร” และ “พชร” จนถึง “เพชร” ในที่สุด
-
ในพระไตรปิฎกได้มีการกล่าวถึง คือ สุวณฺณํ คือ ทอง, รชตํ คือ เงิน, ปวาฬ คือ แก้วประพาฬ, มณิ คือ แก้วมณี, เวฬุริยํ คือ แก้วไพฑูรย์ หรือ เพชรตาแมว, มุตตา คือ แก้วมุกดา และวชิรํ คือ เพชร
-
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ มนุษย์รู้จักเพชรมานานแล้ว แต่ไม่มีใคร สามารถรู้ได้ว่าเราเริ่มตั้งแต่เมื่อใด ในช่วงแรกๆ ผู้คนใช้เพชร ในการพกพา ติดตัวไป ให้มีความแคล้วคลาดปกป้องอันตรายที่เกิดขึ้น เชื่อว่าเพชรมีพลังในตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อสวมใส่เพชรไว้ทางด้านซ้ายมือ เพชรจึงมักถูกใช้เป็น เครื่องราง มากกว่าเป็นเครื่องประดับ ฉะนั้นในอดีตจึงมีแต่ผู้ชาย ที่สวมใส่เพชรมากว่าผู้หญิง
-
คนยุโรปเมื่อประมาณ 1,000 ปีก่อน เชื่อว่าเพชรเป็นวัตถุมงคลที่สามารถขจัด และปัดเป่าภัยอันตรายจากภูตผีปีศาจ
-
เพชรเป็นอัญมณีที่มีความเชื่อเกี่ยวข้องด้วยมากมาย เช่น พระราชินีแมรี่ แห่งสกอตแลนด์ ทรงเชื่อว่า พระธำมรงค์เพชร ที่พระนางสวมอยู่ สามารถปกป้องพระนางให้รอดพ้นจากการถูกลอบปลงพระชนม์ได้ แต่พระนางถูกพระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษทรงสำเร็จโทษ ด้วยการประหารชีวิต
-
ในสมัยกลาง (Middle Ages) เชื่อกันว่าเพชรช่วยในการป้องกันโรคระบาดได้ พระราชินีเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ ทรงประดับเพชรไว้ที่พระอุระ เพื่อป้องกันโรคติดต่อ
-
ตำนานโบราณกล่าวไว้ว่า เพชรมีแหล่งกำเนิดมาจากกระดูกยักษ์ชื่อ มหาพลสูตร ที่คิดจะทำพิธีอดอาหาร เพื่อเป็นเกียรติยศ ให้ปรากฏในแผ่นดิน พอครบ 7 วัน ก็สิ้นชีวิต เทวดาจึงนำกระดูกไปฝังไว้ทุกแห่ง ก็บังเกิดกลายเป็นเพชรรัตน์
-
เพชรที่มีความหมายไม่เหมือนใคร นั่นคือ เพชรเดอ คิวบัน แคปิตอล(The Cuban Capitol) ที่เป็นตัวแทนแห่งความภาคภูมิใจ ในชนชาติคิวบา (แสดงเขตแดนทหาร) ได้รับการฝังเอาไว้ใต้พื้นของจุดที่เรียกว่า ศูนย์กลางของประเทศคิวบา ณ กรุงฮาวาน่า
-
เพชรเป็นอัญมณีสิริมงคลประจำเดือนเมษายน หรือ ราศีเมษ เพชรจะสามารถเสริมดวง ให้มีบารมีน่าเกรงขาม ซึ่งจะมีความสอดคล้อง กับนิสัยของคนราศีนี้ที่ชอบเป็นผู้นำ
-
ในตำราพรหมชาติซึ่งเป็นตำราโหร กล่าวไว้ว่าเพชรเป็นอัญมณีสิริมงคลสำหรับผู้เกิดปีมะเส็ง
-
เพชรมีความแข็งเท่ากับ 10 โมห์สเกล เป็นสสารที่แข็งที่สุด หรือแข็งมากกว่าทับทิม 140 เท่า
-
เพชร แสดงถึง ความบริสุทธิ์ ความรักนิรันดร ความมีอำนาจ จึงเป็นอัญมณีที่ที่นิยมนำมาทำเป็นแหวนหมั้นมากที่สุด
-
ตามตำราโบราณได้กำหนดลักษณะที่ดี เป็นมงคลของเพชรไว้หลายประการไว้ดังนี้ เพชรพราหมณชาติ มีสีขาว ไฟดี เปล่งประกายเจิดจ้า เหมือนดั่งดวงอาทิตย์ยามเที่ยง ถ้าใส่ที่นิ้วชี้ข้างขวา สมบัติจะไหลมาเทมา ศัตรูจะพ่ายแพ้ไปเอง
-
เพชรสมณชาติ มีสีเหลือง เหมือนน้ำมันไก่ ใส่ที่นิ้วชี้ข้างขวาจะทำให้เจริญรุ่งเรืองมีความสุข มีอานุภาพเป็นที่เกรงขาม
-
เพชรแพสชาติ มีสีเขียว ประกายไฟแรง ถ้าใส่ที่นิ้วชี้ข้างขวา จะช่วยให้ค้าขายดี ชีวิตรุ่งเรือง และศัตรูจะพ่ายแพ้ไป
-
เพชรสูทชาติ มีสีดำ ถ้ามีไว้จะทำให้ร่ำรวยด้วยทรัพย์สมบัติ ถ้าทำการเกษตรจะได้ลาภผลดี
-
คนอินเดียสมัยโบราณเชื่อว่า เพชรมีพลังอำนาจทำให้ได้รับชัยชนะ และยังนิยมฝังเพชรไว้ที่ดวงตาเทวรูปเพื่อสักการบูชา แม้กษัตริย์อินเดียในสมัยนั้น ก็นิยมใช้เพชรเพื่อป้องกันภัยจากปีศาจ
-
ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 บางคนเชื่อว่าเพชรมีสองเพศ คือ เพศผู้กับเพศเมีย ดังนั้นถ้ามีการนำเพชรมาอยู่รวมกันแล้ว คนกลุ่มนั้นเชื่อเหลือเกินว่าจะมีลูกเพชรเกิดตามมา
-
เพชรเดินทางเข้าสู่ยุโรปเมื่อ วาสโก ดา กามา (Vasco Da Gamma) นักเดินเรือชาวโปรตุเกส ได้ค้นพบเส้นทางการเดินเรือ ทางทะเลจากยุโรปถึงอินเดียในปี พ.ศ. 2041 โดยเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮป(Cape of Good Hope) ทำให้เกิดเส้นทางการค้า ระหว่างอินเดีย และยุโรป ทำหใคนยุโรปเริ่มมีตลาดค้าเพชรขึ้น และมหานครเวนิสก็กลายเป็นศูนย์กลาง การเจียระไนเพชรของโลก คนกลุ่มแรก ๆ ที่ใช้เพชร คือ ราชวงศ์ในยุโรปและคนชั้นสูง แต่ด้วยความเจริญของยุโรป เพชรจึงได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และกลายเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์
-
เพชรในประเทศไทยมีการค้นพบกัน มานานเกินกว่า 40 ปีมาแล้ว จากรายงานมีการพบเพชรร่วมกับแร่ดีบุกในลานแร่ จังหวัดภูเก็ต และพังงา ทั้งในแหล่งแร่ดีบุกบนบก และนอกชายฝั่งทะเลอันดามัน ด้านตะวันตกของอำเภอตะกั่วป่า เรื่อยไปทางใต้จนถึงจังหวัดภูเก็ต
-
เพชรที่พบในไทยส่วนใหญ่มีขนาด 1.8-4.7 มิลลิเมตร (0.04-0.89 กะรัต) เคยมีรายงานว่าพบเพชรใหญ่ขนาดประมาณ 6 กะรัต จากบริเวณอำเภอกะปง จังหวัดพังงา บางส่วนสามารถนำมาเจียระไน ทำเครื่องประดับได้
-
สำหรับต้นกำเนิดเพชรในไทยยังไม่ทราบกันแน่ชัด แต่เชื่อกันว่าอาจผุพังมาจากหินโคลนปนกรวด (Pebbly Mudstone) ซึ่งแตกต่าง จากแหล่งเพชรอื่นๆ ของโลกที่พบในหินแคมเบอร์ไลต์
-
นอกจากเป็นเครื่องประดับแล้ว เรายังใช้เพชรในชีวิตประจำวันด้านอื่นๆ เช่น ใช้ในการขุดเจาะ เป็นชิ้นส่วนของ อุปกรณ์วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และแพทยศาสตร์ อาทิ ใช้เคลือบกระจกหน้าต่างของยานอวกาศ ให้สามารถทน อุณหภูมิสูงถึง 490 องศาเซลเซียส และกรองแสงอัลตราไวโอเลต ไม่ให้ผ่านเข้าไปทำอันตรายมนุษย์อวกาศ ที่ทำงานอยู่ภายในยาน
-
การที่เพชรมีคุณสมบัติขยายตัวน้อย เมื่อได้รับความร้อนมาก ทำให้วิศวกรนิยมใช้เพชรทำชิ้นส่วนดูดซับความร้อน ในวงจรอิเล็กทรอนิกส์ จักษุแพทย์ใช้มีดผ่าตัด ที่ปลายถูกเคลือบด้วยเพชรในการผ่าตัดลูกตา เป็นต้น
-
จุดหลอมละลายของเพชรอยู่ที่ 6900 ฟาเรนไฮต์ซึ่งมากกว่า จุดหลอมละลายของเหล็กสตีลถึง 2 เท่าครึ่ง
-
แม้ว่าเพชรจะเป็นสสารที่มีความแข็งมากที่สุดในโลก แต่ก็มีความเปราะ สามารถแตกและบดเป็นผงได้ เพชรจะแตกได้ ถ้าได้รับความร้อนอย่างเฉียบพลัน
-
ในทางวิทยาศาสตร์พบว่า ในห้วงอวกาศนั้นเต็มไปด้วย สะเก็ดคริสตอลของเพชรกว่าล้านชิ้น ซึ่งมีขนาดเล็กมาก จนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น นักดาราศาสตร์เชื่อว่า เป็นผลงานจากการขยายตัว การหดตัว และการระเบิดของดวงดาวที่ตายแล้ว
-
เพชรเป็นอัญมณีที่แข็งที่สุดในโลก เป็นผลให้ในช่วงยุคกลางมีการขนานนามเพชรว่า “ไม่อาจทำลาย” หรือ “The invincible”
-
ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าเพชร คือหยาดน้ำตาของพระเจ้า
-
ชาวโรมันเชื่อว่าเพชร คือสะเก็ดดาวตกที่หลุดร่วงมาจากฟากฟ้า
-
ชาวอินเดียเชื่อว่าเพชร สามารถป้องกันภยันอันตราย จากความเจ็บป่วย ขโมย และปีศาจร้าย อีกทั้งนำโชค และความสำเร็จ มาสู่ผู้สวมใส่ นอกจากนี้ยังเป็นการสะเดาะเคราะห์ทางโหราศาสตร์ และเพิ่มเสน่ห์ และแรงดึงดูดใจ ให้แก่ผู้เป็นเจ้าของ ดังนั้นเพชรจึงดึงดูดใจคนทั่วโลก
-
ภาษาอังกฤษ “Diamond” ของเพชร ดั้งเดิมมาจากภาษากรีก Adamao ซึ่งคำกริยาเสริมในภาษากรีกเรียกเพชรว่า Adamas เพื่อเป็นคำเรียกสสารที่แข็งที่สุด แปลความหมายได้ว่า ไร้เทียมทาน และคำๆ นี้ได้ถูกแผลงเป็น Diamond มาจนถึงทุกวันนี้
-
ไม่เคยมีการค้นพบว่าเพชรแต่ละเม็ด จะมีรูปร่างลักษณะที่เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งนี้เป็น เพราะเพชรมีโครงสร้าง และลักษณะที่แตกต่างกัน ไม่สามารถเลียนแบบ หรือกำเนิดมาเหมือนกันได้
-
การขุดเพชรจำต้องมีการระเบิด บด และขุดหินแร่มากกว่า 250 ตัน เพื่อให้ได้มาซึ่งเพชรดิบเพียงแค่ 1 กะรัต
-
การทำเหมืองเพชร จะมีเพชรดิบเพียงร้อยละ 20 เท่านั้นในโลกนี้เท่านั้น ที่เหมาะสำหรับการนำมาเจียระไนเป็นอัญมณี
-
คนโบราณเชื่อว่าเพชร คือเครื่องรางที่ทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง นิยมมอบให้เป็นของขวัญ เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งรัก หรือแสดงถึงมิตรภาพที่แท้จริง กระนั้นพลังของเพชรจะสูญสิ้นหากคนผู้นั้นรับเพชรมา และขายไป
-
เพชรถูกยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งอัญมณี” (King Gem) โดยที่ไข่มุกถูกยกย่องให้เป็น “ราชินีแห่งอัญมณี” (Queen Gem)
-
เชื่อหรือไม่ว่าก่อนที่เพชรแต่ละเม็ด อยู่บนมือของชายหญิงสาว ทุกเม็ดเคยผ่านมือผู้คนมาแล้วกว่า 4 ทวีป รวมทั้งช่างทอง จากอีกหลายประเทศ
-
เพชรทรงเหลี่ยมมรกต (Emerald Cut) เป็นคัทที่มีราคาถูกที่สุด
-
เพชรที่มีเม็ดใหญ่กว่า ไม่ได้หมายความว่าจะมีคุณภาพดีกว่า เพชรเม็ดเล็กกว่าที่มีน้ำเดียวกัน
-
เพชรขนาด 2 กะรัต จำนวนหนึ่งเม็ด มีสนนราคามากกว่าเพชรขนาด 1 กะรัตในคุณภาพเดียวกันรวมกัน 2 เม็ด
-
เพชรมี 4 ประเภท คือ เพชรพรอพเพอร์ (Proper), เพชรบอร์ต (ที่ใช้ในการตัดวัตถุในงานอุตสาหกรรม (Bort), เพชรบัลลาส (Ballas) และหินเพชรดำ (Carbonado) ทั้งนี้เพชรพรอพเพอร์ จัดเป็นชนิดเดียวที่เป็นอัญมณี
-
เพชรส่วนมากมีการก่อรูปใต้พื้นผิวโลก ลึกลงไปกว่า 100-400 ไมล์
-
เพชรถูกเปรียบเทียบเป็น”น้ำแข็ง”ด้วยเหตุผลที่น่าทึ่ง ทั้งนี้เวลาเราจับเพชรจะรู้สึกเย็น เพราะเพชรมีอุณหภูมิต่ำกว่า ร่างกายมนุษย์ มีการนำความร้อนสูง และยังสามารถเป็นสื่อนำความร้อน ออกจากตัวของเราได้
-
ด้วยความที่เพชรมีคุณสมบัติพิเศษ สามารถทนทานต่อภาวะอุณหภูมิที่สูงอย่างรุนแรง ไปจนถึงการทนต่อสภาวะกัดกร่อน มีสภาพโปร่งแสง ในทุกรูปแบบของแสง และทุกรูปแบบการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทำให้เพชรเป็นวัตถุดิบสำคัญ ในการทำเป็นหน้าต่าง สำหรับงานอุตสาหกรรม และการสร้างยานอวกาศ รวมทั้งยานสำรวจไพโอเนียร์ (Pioneer) ที่เคยใช้สำรวจ พื้นผิวดาวศุกร์ในปี 1978
-
สายทองแดงในเครื่องคอมพิวเตอร์โทรทัศน์ และที่ใช้ในการสร้างบ้านนั้น ล้วนถูกจัดรูปร่างด้วยลูกเต๋าขนาดเล็ก ที่ทำขึ้นจากเพชร
-
เพชรอาจถูกพบตามก้นแม่น้ำ อันเป็นลานแร่ ( Alluvial diamond) หรือบริเวณที่เพชร ถูกน้ำพัดพามาทับถมทั้งนี้ เพชรเหล่านี้มีต้นกำเนิดในชั้นดินที่มีสายแร่ที่เรียกว่า คิมเบอร์ไลต์ ไพพ์ (Kimberlite Piper) แต่ถูกเคลื่อนย้าย โดยการเปลี่ยนแปลง ทางธรณีวิทยา อาทิเช่น ธารน้ำแข็งและน้ำสามารถเคลื่อนย้ายเพชรจากจุดกำเนิดได้ไกลกว่าเป็นพันๆไมล์
-
จุดหลอมเหลวของเพชรอยู่ที่ 1878 องศาเซลเซียส ซึ่งมากกว่าเหล็กสตีลถึง 2 เท่าครึ่ง
-
เพชรสามารถเกิดไฟฟ้าสถิตได้เมื่อถูกเสียดสี
-
เพชรแต่ละเม็ดเป็นสิ่งที่มีอายุเก่าแก่มากที่สุด เท่าที่มนุษย์เคยครอบครอง มีอายุมากกว่า 3 พันล้านปี หรือคิดเป็น 2 ใน 3 ของอายุโลก และที่มีอายุน้อยที่สุดคือ 70 ล้านปี
-
สีที่ดีที่สุดของเพชรคือ ไม่มีสี ตามแบบสีของก้อนน้ำแข็งหรือเหล้ายินโทนิก ซึ่งเพชรที่หายากที่สุด คือ สีขาวพิสุทธิ์ ที่เรียกว่า “Exceptional White”
-
แม้ว่าเราจะรู้ว่าเพชรดี คือ เพชรสีขาว ไร้สี ซึ่งไม่เหมือนพลอยที่มีสเปกตรัมของแสง ที่แยกออกเป็นสีต่างๆได้ กระนั้น เพชรสีเราเรียกว่า เพชรแฟนซี
-
สีเหลืองที่เห็นเป็นมลทินในผลึกเพชรนั้น เกิดขึ้นจากการตกค้างของสารในโตรเจน ทั้งน้ำในเพชรที่มีสีใส เกิดจากการที่สารไนโตรเจน ได้ถูกชะล้างออกไปเมื่อกว่าล้านปี นอกจากนี้ยังพบ ซิลิกอน แมกนีเซียม อะลูมิเนียม เหล็ก แคลเซียม และทองแดง ซึ่งมีอยู่ในปริมาณที่น้อยมาก
-
วิธีที่ง่ายที่สุดในการสังเกตความแตกต่างระหว่างเพชร และคิวบิก เซอร์โคเนีย คือการทดสอบด้วยน้ำหนัก ทั้งนี้คิวบิก เซอร์โคเนีย จะมีน้ำหนักมากกว่าเพชรถึงร้อยละ 55
-
เพชรมีความแข็งมากกว่าทับทิมหรือแซฟไฟร์ถึง 140 เท่า และแข็งมากกว่ามรกตถึง 180 เท่า
-
แม้ว่าเพชรเป็นสสารธรรมชาติที่แข็งที่สุด แต่มีความเปราะ สามารถแตกหักออกเป็นเศษๆ หรือแตกละเอียดได้ หากทุบด้วยค้อน
-
เพชรที่สมบูรณ์แบบมีอยู่จริงในโลกนี้
-
เพชรดิบที่เม็ดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เพชรคูลลิแนน(Cullinan) พบในประเทศแอฟริกาใต้ ก่อนการเจียระไนมีน้ำหนักถึง 3,025 กะรัต ซึ่งดั้งเดิมเคยถูกนำไปเป็นของขวัญ ในวาระวันประสูติครบรอบ 66 ชันษา ของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ดที่ 7 อังกฤษ
-
เพชรเซนเทนนารี่(Centenary Diamond) ขนาด 273.85 กะรัต เดิมตอนเป็นเพชรดิบมีน้ำหนักมากถึง 600 กะรัต ต้องใช้นักเจียระไนชั้นครูในการเจียระไนถึง 3 ปี
-
เพชรเจียระไนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือ เพชรโกลเด้นจูบิลี่(Golden Jubilee) มีขนาด 545.67 กะรัต เป็นทรงคูขัน มีสีเหลืองอมน้ำตาล
-
มีเพียงเพชรเท่านั้นที่ตัดเพชรได้
-
เพชรสามารถสร้างรอยขีดข่วนให้แก่กันได้ จึงไม่ควรเก็บเพชรไว้ในกล่องเดียวกัน
-
ยิ่งแหวนมีรูปแบบเรียบง่าย และมีหนามเตยที่บางมากเพียงใด ก็จะยิ่งทำให้เพชรส่งแสงได้สวยที่สุด
-
“เพชรคือเพื่อนแท้ของหญิงสาว” แท้ที่จริงเป็นชื่อเพลง “Diamond are a Girl’s Best Firend” ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ เรื่อง “Gentlemen Prefer Blondes”(1953) นำแสดงโดย สองดาราดังอย่าง มาริลิน มอนโร และเจน รัสเซิลล์
-
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีอายุมากกว่า 50 ปี และก็ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ยอดนิยม ของตำนานฮอลลีวูดอย่าง มาริลิน มอนโร กระนั้นหนังเกี่ยวกับเพชรที่โด่งดังยังมีอีก เช่น ‘High Society’, Breakfast at Tiffany’s และ ‘Diamond Are Forever’
-
เพชรเป็นอัญมณีเพียงชนิดเดียว ที่ประกอบไปด้วยโครงสร้างทางเคมี เพียงหนึ่งชนิดนั่นคือ คาร์บอน ซึ่งเป็นโครงสร้างเดียวกับ ธาตุการไฟต์หรือไส้ดินสอ ทั้งนี้คาร์บอนจัดเป็นเคมีธาตุพื้นฐานที่มีอยู่ทั่วไป เป็น 1 ใน 4 ธาตุจำเป็นในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิต แม้แต่ร่างกายมนุษย์ยังประกอบไปด้วย ธาตุคาร์บอนถึงร้อยละ 18 และอากาศที่เราหายใจเข้าไป ก็ยังประกอบไปด้วย คาร์บอนเช่นกัน
-
เพชรแต่ละเม็ดล้วนมีเอกลักษณ์ ไม่มีเม็ดไหนที่ซ้ำกัน หรือเหมือนกันแม้แต่เม็ดเดียว
-
มนุษย์ค้นพบเพชรครั้งแรกเมื่อ ศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล หรือกว่า 4,000 ปีก่อน ณ ก้นแม่น้ำในเมืองกัลป์กอนด้า ประเทศอินเดีย และอินเดียยังจัดเป็นแห่งเดียว ที่เป็นแหล่งผลิตเพชร และเป็นเช่นนั้นมานานกว่า 2,000 ปี กระทั่งในปี 1725 ได้มีการค้นพบเหมืองเพชร ครั้งใหม่ในบราซิล ต่อมาในปี 1871 จึงมีการค้นพบเหมืองเพชรครั้งใหญ่ในประเทศแอฟริกาใต้
-
ปัจจุบันมีการทำเหมืองแร่เพชรใน 25 ประเทศ ในทุกๆทวีปของโลก ยกเว้นทวีปยุโรป และทวีปแอนตาร์กติก้า อย่างไรก็ตาม ก่อนศตวรรษที่ 20 แหล่งเพชรยังไม่เคยได้มีการถูกค้นพบมากนัก เนื่องจากเทคโนโลยี และความเข้าใจทางวิทยาศาสตร์ ในสาขาการสำรวจเหมืองเพชร ยังไม่ได้รับการพัฒนาเหมือนในปัจจุบัน
-
แม้ว่าประเทศออสเตรเลีย, บอตสวานา, รัสเซียและสาธารณรัฐคองโก้ (ซาอีร์) จะขยับขึ้นมาเป็นผู้ผลิตเพชรรายใหญ่ของโลก กระนั้น ประเทศแอฟริกาใต้เอง ก็ยังเป็นผู้ผลิตรายหลักของโลก ทั้งในด้านกำลังการผลิต และคุณภาพของเพชร เรียกได้ว่าเพชรกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ที่ผลิตได้ทั่วโลกได้มาจากประเทศแอฟริกาใต้ ทั้งนี้ประเทศที่เป็นผู้ผลิตเพชรในลำดับรองลงมา คือ แองโกล่า, บราซิล, สาธารณรัฐแอฟริกากลาง, จีน, กานา, กรินี, อินเดีย, ไอวอรี่ โคสต์, ไลเบอร์เรีย, เซียรา ลีออนี, แทนซาเนีย และเวเนซูเอลา
-
ในอดีตกาลชาวยุโรปเอง ยังไม่รู้จักการนำเพชร มาทำเป็นเครื่องประดับ เหมือนกับการใช้อัญมณีชนิดอื่นๆ จวบจนกระทั่ง ปลายศตวรรษที่ 13 มีการเริ่มให้ความสำคัญกับเพชรมากขึ้น กระนั้น ชาวยุโรปในสมัยก่อน นิยมใช้พลอยในการทำ เป็นเครื่องประดับ เช่น การแกะแซฟไฟร์เป็นจี้คามีโอ และการนำหินสีมาเจาะรูทำเป็นลูกปัด
-
ในยุโรปเพชรเริ่มปรากฏให้เป็นที่รู้จัก อย่างประปรายในช่องศตวรรษที่ 13 มีการนำเพชรไปประดับคู่กับไข่มุก แต่ด้วยการออก กฎมณเฑียรบาลเซนต์ หลุยส์ (ในช่วงการครองราชย์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 แห่งฝรั่งเศส ค.ศ. 1214-1270) กำหนดให้เป็นอัญมณี สำหรับพระมหากษัตริย์เท่านั้น มีผลให้เพชรกลายเป็นของสูงค่า หายาก และมีราคางวดที่สูงขึ้นเป็นลำดับ
-
คนโบราณเชื่อว่าเพชรจะช่วยให้ผู้สวมใส่มีความกล้าหาญ และปราศจากความกลัว ทำให้ชาวยุโรปในชนชั้นสูง เช่น คาซิโม เดอะ เอลเดอร์ แห่งเมืองฟลอเรนซ์ (ค.ศ.1389-1464) , พระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 แห่งฝรั่งเศส (ค.ศ.1519-1559)และยุคแห่งเบอร์กันดี ต่างสวมแหวนในการออกศึก เพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงความกล้าหาญชาญชัย
-
ในวันที่ 13 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1888 เจ้าหญิงอิมพีเรียล รีเจนต์ โดน่า อิซาเบล ได้ยกเลิกทาสในบราซิล ทรงลงลายพระหัตถ์ ในพระราชกฤษฎีกาด้วยปากกาฝังเพชร และมรกต และด้วยลายเซ็นเพียงตวัดเดียวของพระองค์ ทรงปลดแอกทาส หญิง ชาย และเด็กกว่า 1,500,000 คนให้เป็นอิสระ จัดเป็นการเลิกทาสประเทศสุดท้ายในโลกตะวันตก
-
คนไทยโบราณได้กำหนดลักษณะที่ดี ที่เป็นมงคลของเพชรเอาไว้หลายประการ ตามตำราโบราณได้กล่าวไว้ว่าเพชรปฐมชาติ มีสีแดงเหมือนผลตำลึง มีรัศมีหรือประกายหลากหลายสี ได้แก่ สีขาว สีเหลือง สีดำ สีเขียว สีรุ้งกินน้ำ เมื่อส่องแดด ประกายของเพชร ที่เปล่งออกมาจะเป็นสีเบญจรงค์ (มี 5 สี) และจะแล่นออกจากเหลี่ยมเพชรด้านละ 8 ดวง จะทำให้ผู้ที่มีไว้ครอบครอง เป็นใหญ่เป็นโต มีชัยแก่ข้าศึก ถ้านำเพชรสีแดงนี้มาใส่ไว้ที่นิ้วชี้ข้างขวา ตำราว่าจะได้เป็นยิ่งกว่าเดิม
-
ส่วนเพชรที่จัดเป็น “อัปมงคล” คนไทยโบราณได้กล่าวไว้เช่นกัน ได้แก่ เพชรแตกร้าว เพชรมีรู เป็นโพรงอยู่ในเนื้อ มีรอยตำหนิเหมือนรอยตีนกา ก้อนเพชรเมื่อนำมาเจียระไนต้องมีเนื้อใสสะอาด ปราศจากตำหนิใดๆ จึงจะให้คุณแก่เจ้าของ ถ้าเพชรมีรอยตำหนิแม้เพียงเล็กน้อย จะทำให้เจ้าของเสียทรัพย์พบกับความทุกข์ยากลำบาก ศัตรูปองร้าย เกิดโรคภัยไข้เจ็บ อยู่บ้านไม่เป็นสุข ไฟจะไหม้ ไม่มีความสุขในชีวิต
-
ในโบราณกาล นักบวชชาวยิวมักใช้เพชรเพื่อช่วย ในการตัดสินความผิด เชื่อกันว่าเมื่อผู้กระทำความผิดได้กุมเพชรไว้ในมือ สีของเพชรจะเปลี่ยนเป็นสีขุ่น และเข้มข้น ส่วนผู้บริสุทธิ์หากกุมเพชรไว้ เพชรจะส่องแสงเป็นประกาย
-
ชาวฮินดูเชื่อว่าเพชรเกิดจากหินที่ถูกสายฟ้าฟาด
-
คนโบราณเชื่อว่าเมื่อมอบเพชรให้เป็นเครื่องราง เพื่อแสดงถึงมิตรภาพ และความรัก เพชรจะมีอานุภาพเป็นอย่างยิ่ง แต่หากคนผู้นั้นนำไปซื้อขาย พลังอำนาจดังกล่าวจะสูญหายไป
-
ชาวอินเดียมีความเชื่อว่า เพชรสามารถขับพิษร้าย และรักษาโรคได้ สามารถทำให้สามีภรรยาคืนดีกัน ถ้ามีเพชรติดตัวไว้ จะประสบแต่ความโชคดีได้ลาภยศ และชีวิตจะประสบความสำเร็จ
-
คนโบราณเชื่อว่าความลี้ลับ และความลึกลับมีอยู่รอบเพชรสีดำ ตามตำนานอินเดียโบราณเชื่อกันว่า เพชรสีดำที่ดูน่ากลัว ดุจดังดวงตาของงูใหญ่ เหมาะกับการเป็นเครื่องบรรณาการที่ใช้ถวาย แด่พระยมซึ่งเป็นเทพแห่งความตาย
-
ในทางตรงกันข้ามชาวอิตาลีโบราณเชื่อว่า เพชรดำเป็นอัญมณีแห่งความปรองดองและการคืนดี เชื่อกันว่าสัมผัสของเพชรดำ สามารถขับไล่ความเข้าใจผิดระหว่างคู่กรณีได้
-
ชาวโรมันโบราณจัดเป็นชนชาติกลุ่มแรก ที่เชื่อมนต์แห่งความโรแมนติดของเพชรเชื่อกันว่า เพชรเป็นอัญมณีที่เกิดจากดาวตก ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น โดยการยิงธนูของอีรอสกามเทพ ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก และเชื่อกันว่าปลายลูกธนูของกามเทพนั้น ประดับด้วยเพชร
-
เพชรซีลอน (Ceylon diamond) และเพชรมาเทอร์ (mature diamond) ไม่ใช่เพชร แต่เป็นชื่อเรียกเซอร์คอนไร้สี เพชรคิลเลียแครนกี้ (killiecrankie diamond) และเพชรซาโซนี่ (Saxony diamond) เป็นชื่อเรียกของโทพาซไร้สี และเพชรโรเดียม (radium diamond) เป็นชื่อเรียกของควอทซ์สีควันบุหรี่
-
ประเพณีการหมั้นด้วยแหวนเพชรเริ่มต้นขึ้นในปี 1477 เมื่อเจ้าชายออสเตรียพระนามว่า แม๊กซิมิเลี่ยนได้ขอแต่งงาน กับเจ้าหญิงแมรี่แห่งเบอร์กันดีด้วยการใช้แหวนเพชร
-
ประเพณีการสวมแหวนบนนิ้วนางข้างซ้าย มาจากความเชื่อดั้งเดิมของชาวอียิปต์ ที่เชื่อกันว่าเป็นนิ้วที่มีเส้นเลือดที่เรียกว่า เส้นเลือดแห่งรักที่เชื่อมต่อมาจากหัวใจ
-
เราได้ยินคำว่าการแต่งงานอย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งเครื่องแต่งกาย แต่งหน้า เครื่องประดับ และอื่นๆ และเป็นเช่นนี้มาเนิ่นนาน พิสูจน์ได้จากงานแต่งงานในอดีตกาล ที่เจ้าหญิงหลายๆ พระองค์ ไม่เพียงแต่จะเลือกเพชรเป็นเครื่องประดับ แต่ยังนิยมนำเพชร ไปประดับลงบนชุดแต่งงาน เพื่อแสดงถึงความภาคภูมิใจ และความสมพระเกียรติ
-
จากการสำรวจพบว่าเจ้าสาวร้อยละ 70 ได้รับแหวนหมั้นที่ทำจากเพชร โดยเจ้าสาวที่แต่งงานครั้งแรก มักได้รับแหวนแต่งงาน ทำจากเพชรมากถึงร้อยละ 75
-
ในขณะที่ฝ่ายชายมักใช้แหวนหมั้นเพชร ในการขอแต่งงานถึงร้อยละ 55 และพบว่าคู่รักส่วนใหญ่ นิยมที่จะเลือกแหวนหมั้นเพชร ด้วยกันร้อยละ 50
-
เจ้าบ่าวส่วนใหญ่มักจะได้รับแหวนแต่งงาน เป็นแหวนเกลี้ยงถึงร้อยละ 90 และมีเพียง1 ใน 5 คนเท่านั้นที่ได้รับแหวนแต่งงาน เป็นแหวนเพชร
-
แหวนหมั้นเพชรที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือ ทรงเพชรเม็ดเดี่ยวมียอดขายสูงถึงร้อยละ 34 ของแหวนหมั้นทั้งหมด โดยแหวนเพชรเม็ดตรงกลาง ประกบคู่ด้านข้างด้วยเพชรเม็ดรองอีกสองเม็ด มียอดขายร้อยละ 22 ของทั้งหมด
-
การเป็นเครื่องประดับประจำเดือนเมษายนนั้นของเพชรนั้น จะมีอานุภาพมากที่สุดเมื่อนำไปประดับลงบนตัวเรือนเหล็กสตีล
-
เพชรจัดเป็นของขวัญครบรอบแต่งงานครั้งที่ 60 และ 75 จัดเป็นเครื่องหมายแห่งข้อสัญญาทางความรัก และความรักนิรันดร์
-
ในปี 1919 นายมาร์เซล ทองคอว์สกี้ นักฟิสิกส์ชาวอเมริกันได้คิดค้นทฤษฎีการเจียระไนเพชรให้ได้ประกายสวยที่สุด ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของเหลี่ยมเพชรที่งดงามในปัจจุบัน เช่น เพชรทรงกลมเหลี่ยมบริลเลี่ยนคัตทั่วๆไปมี 58 เหลี่ยม ประกอบด้วย คราวน์ (Crown) 33 เหลี่ยมและพาวิลเลี่ยน(Pavilion) อีก 25 เหลี่ยม
-
ในกระบวนการเจียระไนเพชรดิบแต่ละครั้ง จะมีการสูญเสียเนื้อเพชรมากถึง 40 -70 เปอร์เซ็นต์ ของน้ำหนักเพชรทั้งหมด
-
เมืองแอนต์เวิร์ฟ ประเทศเบลเยี่ยมจัดเป็นเมืองหลวงของโลก ในการเจียระไนเพชร และรองลงมาคือกรุงอัมสเตอร์ดัม, เทล อาวีฟ, นิวยอร์คและลอนดอน
-
ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีสองเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับเพชร ซึ่งมีผลทำให้มีการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 20 เหตุการณ์แรกเกิดขึ้นในปี 1871 กับการค้นพบแหล่งเพชรธรรมชาติเป็นจำนวนมหาศาล ในประเทศแอฟริกาใต้ ที่มีผลทำให้ เพชรกลายเป็นอัญมณี ที่ใคร ๆ ก็สามารถซื้อได้ ไม่ได้เป็นของหายากอีกต่อไป ทั้งนี้ก่อนยุค 1870 เพชรจัดเป็นของหายาก และจำกัดการใช้อยู่ แต่เฉพาะกลุ่มชนชั้นสูง โดยในปี 1871 ผลผลิตมวลรวมของเพชรทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น ส่วนมากมาจากเหมือง ในประเทศแอฟริกาใต้ และเป็นครั้งแรกของโลกที่สามารถผลิตเพชรได้มากกว่า 1 ล้านกะรัต
-
เหตุการณ์ที่ 2 ได้เกิดขึ้นในปี 1871 ซึ่งเป็นยุคสิ้นสุดการปกครองของจักรพรรดิ นโปเลียนที่ 3 ส่งผลให้สาธารณรัฐฝรั่งเศส ลำดับที่ 3 ต้องประสบกับปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะเครื่องเพชรประจำราชวงศ์ฝรั่งเศสในสไตล์หลุยส์ ทำขึ้นโดยจักรพรรดินียูจีน ซึ่งยังเป็นร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ ของระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตย และได้กลายเป็นปัญหาของฝรั่งเศสยุคใหม่ เครื่องเพชรจำนวนมหาศาลได้ถูกนำไปประมูล และมีการเหลือไว้บางชิ้น เพื่อเป็นสมบัติแผ่นดิน เครื่องเพชรดังกล่าว ถูกประมูลไปโดย ประเทศมหาอำนาจหน้าใหม่ อาทิ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังแตกยอดแห่งความร่ำรวย และต้องการ แสดงอานุภาพแห่งความมั่งคั่ง การประมูลยังเป็นการประกาศของสหรัฐอเมริกา ในการเป็นประเทศที่ร่ำรวยและ ต้องการเป็นประเทศที่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ ในศตวรรษใหม่ข้างหน้า
-
ในราคาซื้อขายเพชรถูกจัดทำ และเปิดตัวเป็นครั้งแรกในยุคศตวรรษที่ 20 โดยชาวอาหรับนามว่าเทย์ฟาสชิอัส แต่ในปัจจุบัน ใบราคาซื้อขายเพชรที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไป คือ รายการของRapaport หรือที่เรียกกันว่า Rap Sheet จัดพิมพ์โดย มาร์ติน ราพาพอร์ต ชาวเมืองนิวยอร์ค
-
ธุรกิจการค้าเพชรจัดเป็นธุรกิจที่มีการผูกขาด ภายใต้การควบคุมของบริษัทเชื่อว่า เดอร์เบียร์ส โดยจัดตั้งให้ De Beers Consolidated Mines Ltd. เป็นผู้ดูแลทางด้านการตลาด โดยผ่านการควบคุมจาก Central Selling Organization (CSO) อีกที ทั้งนี้ CSO จะเป็นตัวแทนขายเพชรดิบ ที่ได้จากเหมืองให้แก่ตัวแทนขายเพชรทั่วไปอีกที โดยเหมืองอิสระอื่นๆ จะใช้วิธีการค้าขาย ที่ต่างออกไป มีการขายเพชรด้วยการประมูลแบบปิดและการซื้อขายโดยตรง
-
เพชรมิใช่อัญมณีที่มีราคาแพงที่สุดในโลก
|
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.iyawan.com
|
คุณรู้สึกอย่างไร? กับบทความนี้ แสดงความคิดเห็น
|
Weddinginlove Showcase , Weddinginlove โชว์ผลงาน งานแต่งงาน
|
|
บิบี๋สตูดิโอ อำนาจเจริญ บริการถ่ายภาพ prewedding ถ่ายภาพงานแต่งงาน ให้เช่าชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว แต่งหน้าเจ้าสาว จัดงานแต่งง...
|
|
Unseen Wedding Photo ....ทุกๆสิ่งที่เกิดในวันสำคัญของคุณ เราจะเก็บบันทึกความประทับใจให้ได้มากที่สุดและคุ้มค่าที่สุด
htt...
|
|
โรงแรม เอทัส ลุมพินี พร้อมเนรมิตทุกวันให้เป็นเหมือนดั่งความฝันของคุณ ด้วยการบริการที่จริงใจโดยบุคลากรที่จริงใจ เลือกสัมผ...
|
|
BeeFirst Picture ช่างภาพอิสระ ช่างภาพวันงาน ภาพนิ่งวันงาน , ช่างถ่ายวิดีโองานแต่งงาน , แพ็คเกจถ่ายพรีเวดดิ้ง ราคาโปรโมชั...
|
|
โรงแรมศศิ นนทบุรี [สถานที่จัดเลี้ยงแต่งงาน นนทบุรี] บริการห้องจัดเลี้ยงแต่งงาน เป็นสถานที่จัดเลี้ยงแต่งงาน ในบรรยากาศร่...
|
|
ปลาอยู่เย็น เนรมิตวันสำคัญของคุณ ให้เป็นดั่งเทพนิยาย ไม่ต้องจ่ายแพง! เนรมิตวันแต่งงานของคุณ ให้น่าจดจำที่สุดในชีวิต!
...
|
|
เพราะรัก เวดดิ้ง สตูดิโอ สระบุรี สุดยอดการแต่ง - ทำผม ระดับต้นของประเทศไทย บริการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง ทั้งในสตูดิโอและนอก...
|
|