วันที่ 8 ธ.ค. 2552

เปิดใจหนุ่ม เจมส์ ว่าที่เจ้าบ่าวในปี2010 เผยความในอยากมีลูกแฝดกับ เอ๊ะ-ศศิกานต์ พร้อมโต้ข่าวเรือนหอ50ล้าน
ถ้ากดรีโมตไปที่ช่อง 5 ยามนี้ ต้องได้เห็น เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ในบทบาทใหม่ ที่ต่างจากเดิมภาพใหม่ของเขาในวันนี้คือนักแสดงในบทร้าย ถือว่าเจมส์ได้พลิกบทบาทจากนักแสดงนักร้องสดใสมาเป็นนักแสดงที่ช่ำชองมากขึ้นแน่นอนสำหรับวงการละครเขาหายไปนานกว่า 8 ปี แต่สำหรับแวดวงดนตรีเขาคือกรรมการผู้จัดการ สถาบันมีฟ้า โรงเรียนสอนดนตรีให้ศิลปินแกรมมี่นั่นเอง
อีกภาพหนึ่งก็คือคนรักของเอ๊ะ-ศศิกานต์ อภิชาติวรศิลป์ นักแสดงนักร้องที่คนไทยรู้จักดี แน่นอน เรื่องรักเจมส์-เอ๊ะ ที่ยาวมากว่า 11ปี ดูช่างเหลือเชื่อ แต่ก็คือความจริง
คงเป็นเรื่องดีที่เราอยากจะเปิดพื้นที่นี้ให้เจมส์ ได้เล่าเรื่องราวใหม่ๆ หลังจากเก็บกระเป๋าจาก อาร์เอสฯมาอยู่บ้านใหม่ นานกว่า 3 ปี เชื่อว่าเขาคงมีเรื่องเล่าใหม่ๆ ที่ผู้อ่านอยากรู้ 3ปี สำหรับงานที่สถาบันมีฟ้า ถือว่าบรรลุเป้าหรือยัง

โอ๊ย เหนื่อยยากมาก ก่อนเข้ามาทำงานที่นี้ มันเป็นอะไรที่คนละแบบ เลยนะครับ เรามองว่า มันไม่น่าจะยาก ดูแล้ว น่าจะเป็นเรื่องของความสนุกสนาน คือพอพูดถึงเรื่องดนตรี ผมคิดว่าน่าจะง่าย พอมาเจอของจริงมันซับซ้อนและ ต้องแก้ไขโครงสร้างหลายเรื่อง เชื่อไหมพี่ หนึ่งปีแรก ผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะต้องแก้ปัญหาเดิม ๆ ให้หมด แต่ทุกวันนี้ผมภูมิใจนะที่มีฟ้าได้ เป็นสถาบันดนตรีที่น่าสนใจถือว่าเป็น โรงเรียนดนตรี ที่ใหญ่ที่สุดในไทยก็ว่าได้ครับ
เล่าให้ฟังหน่อยสำหรับงานที่ต้องทำมีอะไรบ้าง
ผมเป็นเอ็มดีก็ทำทุกอย่างละครับ แต่งานหลัก ๆ 2 ประเภทหนึ่งเราทำ โรงเรียน ดนตรี สอนร้องเพลง และสองที่นี่คือโรงเรียนศิลปิน เราต้อง สอนนักแสดง คือนักร้องแกรมมี่ ในทุก ๆ เรื่องจริงๆ มาพูดถึง ปีหน้าดีกว่า ผมจะขยายเรื่องทำโรงเรียนเต้นให้อยู่ในรั้วเดียวกัน ให้ครบเครื่อง เราอยากมีคอร์สสอน แจ๊ส ที่ได้มาตรฐาน ปีหน้าอาจะมีค่ายเพลง ในมีฟ้า จริง ๆเรามีครบแล้วแต่ยังไม่ได้จัดหมวดและประชาสัมพันธ์ออกไป ให้คนรับรู้ เราอยากจัดใหม่ เอาเด็กที่เรียนดี ๆ ที่เข้าตา มีแววศิลปินมาจัดทำอัลบั้ม แล้วใช้เพลงในสถาบันมีฟ้า แล้วผมก็จะดูแลภาพลักษณ์กันเอง เป็นองค์กรอิสระลุยกันเอง เรามีทีมงานที่มีประสบการณ์ก็อยากจะให้ครอบครัวที่มีบุตรหลานวางใจให้เราดูแลให้
พูดถึงเรื่องการผลิตเพลงเมื่อ 10ปีก่อนกับตอนนี้แตกต่างกันอย่างไร
ต่างมากคือเข้าใจนะ พี่อยากถามว่าอาร์เอส กับแกรมมี่ ต่างกันอย่างไร โอเค สองค่ายนี้ต่างกันทุกอย่าง แต่ผมไม่ได้บอกว่าใครดีไม่ดีนะ ผมว่า ทั้งสองค่าย มีพี้นที่ชัดเจนอยู่แบบนี้ พอผมมาทำงานในองค์กรที่แตกต่างกัน บอกได้เลยครับว่าผม ไม่สามารถที่จะนำวิธีการของค่ายหนึ่งไปใช้กับอีกค่ายหนึ่ง ผมเข้าที่มีฟ้า ผมต้องปรับวิธีคิดใหม่ เรื่องมุมมองทำศิลปิน คืออาร์เอสเขาก็สร้างสรรค์งานอีกแบบ แกรมมี่เขาก็มีวิธีการคิดอีกแบบ
คิดว่าการทำงานแบบไหนที่เหมาะกับสไตล์เจมส์
อาร์เอส ฯเขาทำศิลปิน เขามีมุมมองชัดเจนมาก เราได้ใช้ประสบการณ์ที่มีอยู่กับเขามาประยุกต์บ้าง ก็โอเคนะ แต่พอมาอยู่แกรมมี่ ผมได้พัฒนาในสิ่งที่เราไม่มีให้เพิ่มมากขึ้น เป็นเรื่องของมุมมองมากกว่า ก็ดี ครับ ผมว่าการมองศิลปินมันมีหลายแบบ ผมชอบทั้งคู่ ทั้งสองค่ายที่ให้ผมพัฒนามากขึ้น ส่วนเรื่องการแข่งขันพอกันนะ ปัจจุบัน ทุกองค์กร ก็เลือกคนที่มีความสามารถจริงๆ อาร์เอส แกรมมี่ ก็มองไปข้างหน้าเหมือนกันนะ
จริง ๆ ผมรู้สึกว่า วงการเพลงวันนี้กับ 5 ปีที่แล้ว ไม่เหมือนกันเมื่อก่อนมีการ แบ่งค่าย แย่งพื้นที่ แต่วันนี้กำแพงถูกทำลายไปเยอะ อะไรที่เราอยากทำก็ได้ทำ เมื่อก่อนทำไม่ได้ แต่วันนี้คุณทำได้หมดดูวันนี้ผมได้ มาทำกับเพลงพี่บอย-ตรัย หรือกรูฟไรเดอร์ก็ได้ทำ เมื่อก่อนแค่คิดก็ยากนะ ผมว่าอนาคตโมเดลวงการเพลงน่าจะมีอีกหลายแบบ แกรมมี่ อาร์เอสอาจจะมาทำเพลงร่วมกัน ก็ได้
มองวงการเพลงวันนี้ อย่างไรครับ
เอาที่เรื่องเทคโนโลยีก่อน ผมมองสองแบบนะครับแบบแรก เปิดกว้างนะ คือมันดีที่เพลงเราจะขายได้ง่ายขึ้น ผมเศร้าใจที่เมื่อ เทคโนโลยีพัฒนา ไปโดยที่ไม่มีอะไรรองรับการสูญเสีย เราไม่รู้ว่าวงการเพลงถูกทำลายไหม ศิลปินจะอยู่ได้ไหม ผมว่า คำว่าซูเปอร์สตาร์จะเกิดยากขึ้น หนึ่งไม่มีแรงผลักดัน สองงานทุกอย่างต้องทำกันเร็ว แข่งสูง ทำให้เยอะเข้าไว้ ความปราณีตจะไม่เกิด ศิลปินเกิดยากผมว่าเด็กรุ่นหลังน่าจะไม่ค่อยได้เห็นศิลปินแบบไมเคิล แจ๊กสัน ผมว่าต่อไปจะมีเบิร์ดอีกไหม สองผมใจกว้างเพราะคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่มีเทคโนโลยี มีการดาวน์โหลด ก็โอเคนะครับ โลกเปลี่ยนไปเร็วนะในแค่ 10ปี
อธิบายหน่อยเรื่องการสร้างสรรค์ในยุคนี้
คือเรื่องกระบวนการผลิตนักร้อง ผมว่าวิธีการคิดก็ยากเหมือนเดิม แต่กระบวนการผลิตเร็วขึ้น เมื่อก่อนมีคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ได้มากนัก ส่วนมากผมใช้ก็ในการตัดต่อเสียง แต่อัดเสียงต้องอัดลงในเทปจริง ๆ ซ่อมเป็นท่อนได้ แต่รุ่นนี้ สามารถร้องไปเลย 5 รอบ แล้วกลับบ้านไปเลย ที่เหลือก็ให้โปรดิวเซอร์จัดการให้ ตัดเอาคำมาใส่ ร้องไม่ชัดก็แก้ได้ ข้อดีก็มีนะ แต่ผมกลัวว่า เด็กรุ่นใหม่ ความพยายามจะน้อยลง ตัวตนและแก่นจะหายไป เจอแต่เปลือกนอก ทำให้ เหมือนกับว่าเราจะตามญี่ปุ่น ไม่ทัน เพราะเราหลงแต่เปลือก ฝรั่งเขาชัดเจนมากเรื่องทักษะที่อยู่ข้างใน การทำงานก็แข็งแรง ผมไปดูการฝึกศิลปินที่ญี่ปุ่น เขาเริ่มแต่เด็กคือทำ ถูกวิธี
กับงานละคร คาดหวังไว้อย่างไร
ผมรักการแสดง ผมเล่นละครเวที สู่ฝันอันยิ่งใหญ่ ทำให้ผมได้พบตัวตน ผมอยากเป็นแบบฌอน เพน คือเขา ไม่ได้เล่นเป็นพระเอก ทุกเรื่อง เขาเล่นโกง เล่นบทกะเทยได้ ผมเฝ้ารอดูบทที่ท้าทายหัวใจผม ผมได้เจอพี่บอย-ถกลเกียรติ เขาก็บอกว่ามาเล่นเป็นคนแก่ อายุ 70 ปีไหม บทดีมาก เอาเลย พี่บอย ผมเล่นร้ายก็ได้นะ ผมเอาเลย เรื่องหน้า บอกเลยผมจะเล่นเป็นผู้หญิง ผมจะได้เล่นเป็นนางเอก
หวั่นเรื่องภาพลักษณ์ไหม
ไม่กลัวเลย เจตนารมณ์ ชัดเจน ผมว่าแฟนเพลงผมดูออก ผมอยากทำอะไร ตอนนี้ก็ดีใจมากๆ ที่เห็นว่าละคร พรุ่งนี้ฉันก็รักเธอ กระแสดี ผมดีใจที่มาเจอ ทีมงานละครที่ดี หนึ่ง เหมือนผมได้เข้าคอร์สการแสดงใหม่นะครับคือ ได้อะไรมากกว่าการแสดง พี่บอยเขาสอนไปด้วยทำให้เรารู้สึกว่า เราได้เรียนเพิ่มมากขึ้นผม สบายใจ ชอบนะ โดนดุ เขาเรียกว่าระเบิดลง ไม่กลัวนะ
เรื่องแต่งงานกับเอ๊ะ มีข่าวว่าหาฤกษ์อยู่ จริงไหม
ผมกำลงจะแต่งงาน แต่ไม่ได้มีฤกษ์เราดูจังหวะ เวลา เราคบกันตั้งแต่ปี 1996 ตั้ง 11 ปีแล้ว ดูความเหมาะสมเวลา ปีหน้าผมยังมีละคร จบปลายปี คงได้แต่ง เรือนหอ 50 ล้านคงไม่ถึงขนาดนั้น ผม กำลังสร้างบ้านใช่ ดีที่ผมได้เอ๊ะมาแชร์ความคิด ราคาไม่ต้องพูดถึง เราทำงานมาทั้งชีวิต ผมอยากสร้างโฮมนะที่มีความหมายว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอบอุ่น เป็นบ้านหลังที่สองของผม หลังแรกยกให้แม่ไป
มีช่วงหนึ่งที่ห่างกันไป ถามจริงตอนนั้นหัวใจเป็นไง
อาจเป็นเรื่อง จังหวะชีวิต คือเหมือนเชือกที่หย่อนลงมาหน่อย แบบตกท้องช้าง ก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ เจอคนหนึ่ง เขาผ่านเข้ามา แล้วทำไมนะผมยังคิดถึงเขาอยู่ ผมไม่ได้เปลี่ยนใจนะ มันทำให้เรามั่นใจว่าคนนี้แหละ เอาละผมอยากจะเริ่มต้นสร้างครอบครัว คนนี้แหละ
สร้างครอบครัวยุคนี้หนักใจอะไรไหม
ผมโชคดี ที่เตรียมตัวเรื่องนี้ไว้นาน 7-8 ปีเมื่อก่อนตอนที่จะหยุดทำเพลงมีเพื่อนฝูงมา ตำหนิเยอะมากว่า ทำไมรีบผมก็รับฟังนะครับคือผมมองว่า โลกจะเปลี่ยนไปแล้วนะ ผมต้อง ฝึกฝนให้ตัวเองมีภูมิต้านทานเรียนรู้ ทำความเข้าใจชีวิตครอบครัว ผมเชื่อเรื่องคำสอนผู้ใหญ่นะ คือผมว่าเราต้องเต็มที่ ให้คนในครอบครัวก่อนอันดับแรก ต้องคิดถึงภรรยาและลูกก่อน และงานมาอันดับสอง
ข่าวว่าอยากได้ลูกแฝด
ใช่ผมอยากมีลูกแฝด ผมตรวจร่างกายแล้วนะครับ แต่เอ๊ะยังไม่ได้ตรวจ
ที่มาข่าว : www.thairath.co.th