เห็นหงิมๆ ติ๋มๆ กั๊กสัมพันธ์กันอยู่พักใหญ่ ตอนนี้ดาราหนุ่ม “อาร์ต พศุตม์ บานแย้ม” ยอมรับแล้วว่า ความสัมพันธ์กับนางเอกสาวหน้าหวาน “น้ำฝน พัชรินทร์ จัดกระบวนพล” เริ่มไปได้สวย สนิทสนมกันมากขึ้นทุกวัน คุยกันไม่เคยเว้นว่าง แถมสองครอบครัวก็ยังเข้ากันได้ดีไม่มีปัญหา แต่ยังไม่อยากมองถึงเรื่องอนาคตมากนัก เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ตกลงกันว่าความสัมพันธ์ถึงขั้นแฟน
      
       “ผมกับฝนก็ได้คุยกันมากขึ้นครับ คือสนิทกันมากขึ้นมากกว่า ด้วยความที่เราโตกันแล้วด้วย อย่างตัวเขาก็จบปริญญาโทแล้ว บรรลุนิติภาวะเกือบทุกอย่างแล้ว ถ้าพูดถึงอาชีพการงานตอนนี้เทียบเป็น 100% เราก็กระโดดอยู่ประมาณก้าวที่ 3-4 เราก็ค่อยๆ ไต่ไปเรื่อยๆ เหมือนว่าเราได้คุยกันมากขึ้น ได้แชร์ความคิดกันมากขึ้น มองอนาคตเหรอครับ คือตอนนี้เราเป็นพี่น้องที่สนิทกันมากดีกว่า แต่อนาคตเราอาจเป็นแฟนกัน เป็นสามีภรรยากันอะไรก็ได้ ซึ่งมันเป็นอนาคตบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไร แต่ตอนนี้เราคุยกัน เราเข้าใจกันมากขึ้น เรากล้าคุยในเรื่องที่เราไม่คุยกับใคร” 
      
       “สองครอบครัวไม่มีปัญหาครับ คุณแม่ผมบอกฝนน่ารักมาก ทั้งคุณแม่เขาและคุณแม่ผมก็สนิทกัน 2 คนจะเล่นบีบีคุยกันตลอด และทั้ง 2 บ้านจะเหมือนกันคือรักปู่รักย่า ชอบทำบุญ ชอบเที่ยว จะคล้ายๆ กัน บางทีไม่ใช่ลูกไปด้วยกันนะ แต่เป็นแม่ 2 แม่ไปกัน มันก็เลยกลายเป็นว่าสนิทกันไปโดยปริยายมากกว่า จะบอกว่าไฟเขียวไหมคือเขาไว้ใจมากกว่า เขาไว้ใจที่จะให้ไปกับเรา สมมติไปงานมีช่วงนึงยายเขาป่วย คุณแม่เขาก็ต้องอยู่กับยาย แล้วถ้าเกิดน้องไปงานต่างจังหวัด วันไหนที่ผมว่าง ผมก็จะเป็นคนพาไป ผมจะเป็นคนดูแลให้ เพราะว่าอย่างน้อยเราเป็นผู้ชาย เราก็พาไปได้”
      
       เผยปรึกษากับนางเอกสาวทุกเรื่อง คุยกันทุกวันและไปงานด้วยกันตลอด พร้อมปัดไปเสริมดวงเรื่องรัก แต่ไปเสริมเรื่องงานและเป็นพิธีไหว้ครูเท่านั้น  
        
      “เรามีปรึกษากันตลอดครับ ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นซื้อของขวัญให้เพื่อน ไม่ว่าจะไปโน่น ไปนี่ ไปไหน ไปต่างๆ นานา เขาจะโทรมาถามโน่น ถามนี่ คุยกันเกือบทุกวันครับ ยิ่งเวลาไปงานก็จะไปด้วยกันเกือบตลอด แล้วก็เพิ่งมีภาพปาปารัซซี่ออกมาว่าไปทำบุญด้วยกันมา(หัวเราะ) อันนั้นคือเป็นคนที่ฝนแนะนำให้ผมรู้จัก เขาเป็นเหมือนหมอดูครับ ก็ดูจากลายมือเราแล้วก็วัดเป็นเลขออกมา แล้วก็เป็นคนที่เรานับถือ”
      
       “ทีนี้เขาก็มีวิธีการคือให้เอาพระพิฆเนศไปดำน้ำ เราก็บอกว่าแล้วใครเป็นคนพาดำล่ะ เขาก็บอกว่าชาวบ้านแถวนี้แหละ ผมก็เลยบอกว่าว่างอยู่เดี๋ยวผมลงให้ไหม มันก็คือการทำบุญล่ะครับ เราก็เลยไม่ซีเรียส ก็คือการไหว้ครู ครอบครูกัน ผมว่าทุกคนในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ต่างๆ นานา นับถือพระพิฆเนศเกือบทุกคน และยิ่งการรดน้ำสรงพระพิฆเนศ ผมว่าทุกคนอยากทำนะ อยู่ที่ว่ากล้าหรือไม่กล้า ผมเลยอาสาว่าเดี๋ยวผมทำเอง ก็ไม่ได้ไปเสริมดวงเรื่องความรักหรอกครับ มันเป็นดวงงานมากกว่า เพราะถ้าเป็นความรักจะเป็นพระองค์อื่น เทพองค์อื่นมากกว่า”   
                                                                                                                                                                                        
       ยันเรื่องอายุไม่มีปัญหา แถมปัญหาง้องอนไม่ค่อยมี พร้อมบอกเป็นห่วง “น้ำฝน” เรื่องงาน เพราะต้องเดินทางเยอะ แต่บอกได้เห็นออกงานเป็นแพ็คคู่แน่นอน เพราะผู้ใหญ่อนุมัติแล้ว                                                                                                                                               
       
       “อายุที่ห่างกันผมไม่ซีเรียสนะ จริงๆ เราห่างกัน 2-3 ปีเอง แต่ถึงจะคบเด็กหรือว่าคนแก่ขอให้คุยกันรู้เรื่อง มีเหตุผล เวลาเราทะเลาะกันขอให้คุยกันด้วยเหตุผล ไม่ใช่แถไปเรื่อยๆ คุยกันตรงๆ ดีกว่า ไม่ใช่ว่าไม่พอใจอะไรแล้วก็เงียบ แต่ที่ผ่านมาน้องเขาก็ไม่ค่อยงอนผมนะ เพราะยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นแฟนกัน คือถ้าเราเป็นแฟนกันอาจจะมีงอนกันบ้าง แต่ก็จะมีบางอย่างคือมาปรึกษาเราไปแล้วไม่ทำ คราวหลังก็อย่ามาปรึกษานะ เพราะปรึกษาไปแล้วไม่ทำก็อย่าปรึกษา เพราะเราอุตส่าห์คิดไปเป็นการบ้านมาให้แล้ว มันก็เสียความรู้สึก ทิ้งโจทย์การบ้านให้เราทำทำไมล่ะ จะเป็นอย่างนี้มากกว่า”
      
       “ถ้าเรื่องห่วงคงเป็นเรื่องงานมากกว่าครับ เพราะเรื่องเรียนเขาก็จบปริญญาโทแล้ว จบเยอะกว่าผมอีก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานอย่างเดียวครับ เรื่องงาน เรื่องการเดินทาง เพราะนักแสดงเดินทางเยอะมาก ถ้าเกิดวันไหนว่างๆ แล้วคุณแม่ไม่ว่างจริงๆ ผมพาไปได้ก็จะพาไป”
      
       “งานคู่ปีนี้ก็ว่าจะเริ่มรับแล้วนะ เพราะต่างคนต่างก็โตแล้ว แล้วทางผู้จัดการฝนก็ติดต่อมาว่าปีนี้จะเริ่มให้รับงานคู่แล้ว ก็น่าจะได้ออกงานด้วยกันบ่อยๆ ครับ อย่างถ่ายแบบคู่กันหรือออกงานคู่กัน ก็น่าจะได้เห็นกันมากขึ้น แต่เรื่องเก็บเงินเก็บทองสร้างเนื้อสร้างตัวไปขอเนี่ย ยังเป็นอนาคตอันไกลมากครับ ก็กะว่าถ้าจีบกันจริงๆ ขอดูกันจริงๆ สัก 2-3 ปีแล้วค่อยแต่ง บางทีตอนเราจีบกันแล้วอาจจะดี แต่พออยู่ด้วยกันอาจจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็ได้ คือไม่อยากให้ชีวิตคู่มีปัญหา อยากให้มีทีเดียวแล้วจบเลยมากกว่า”

ข้อมูลจาก: