ในยามที่อุณหภูมิลดต่ำลง ตามยอดดอยต่างๆ มักจะถูกปกคลุมไปด้วยทะเลหมอกเป็นบริเวณกว้างสุดลูกหูลูกตา กลายเป็นทัศนียภาพที่สวยงาม ทะเลหมอกจึงนับได้ว่าเป็นเสน่ห์ของความหนาวเย็น ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้พากันขึ้นกันไปเฝ้าชมความงามตามยอดดอยต่างๆ รวมถึงที่อุทยานแห่งชาติแม่เมย จังหวัดตาก สถานที่ที่นับได้ว่าร่ำรวยทะเลหมอกอีกแห่งหนึ่งของบ้านเรา
ที่มาของชื่ออุทยานแห่งนี้มาจากชื่อของแม่น้ำเมย ที่ไหลผ่านบริเวณอุทยานฯ แห่งนี้ ทำให้ที่บริเวณลุ่มแม่น้ำเมยแห่งนี้มีความชุ่มชื้นอันเกิดจากผืนป่าและลำน้ำที่สมบูรณ์ เราจึงสามารถพบเห็นทะเลหมอกที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยได้ทุกฤดูกาล ยกเว้นในช่วงที่มีสภาพอากาศปิดหรือสภาพอากาศมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าในช่วงฤดูหนาวรับรองว่าที่แหล่งทะเลหมอกแม่เมยแห่งนี้จะไม่สร้างความผิดหวังให้แก่ผู้มาเยี่ยมชมเลย
ที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยมีแหล่งชมทะเลหมอกอยู่หลายจุดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส ม่อนกิ่วลม และม่อนปุยหมอก สำหรับที่ม่อนปุยหมอกนั้นเป็นจุดท่องเที่ยวชมวิวทะเลหมอกแห่งใหม่ที่มีความสวยงามกว่าจุดอื่นๆ เพราะสามารถชมภาพทะเลหมอกได้ในมุมกว้างถึง 180 องศา แต่ของสวยของงามกว่าจะได้ชื่นชมก็ต้องยอมลำยากกันนิดหน่อย เพราะที่ม่อนปุยหมอกนั้นรถยนต์ไม่สามารถเข้าไปถึงได้ จึงต้องเดินเท้าขึ้นไปเป็นระยะทางประมาณ 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลาในเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เมื่อไปถึงแล้ว จะรู้สึกคุ้มค่ากับความเหนื่อยยากนั้นจริงๆ อ้อ...ทีมงาน weddinginlove ลืมบอกไปค่ะว่านอกจากจะต้องเดินเท้าแล้วนักท่องเที่ยวยังจะต้องพักค้างคืนอยู่บนยอดเขาด้วย ดังนั้นควรเตรียมเต็นท์ ถุงนอน เครื่องกันหนาว และเสบียงอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการด้วยนะคะ
ส่วนม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส และม่อนกิ่วลม จุดชมวิวทะเลหมอกทั้ง 3 จุดนี้จะเดินทางได้สะดวกกว่าการขึ้นไปที่ม่อนปุยหมอกเพราะสามารถขับรถขึ้นไปถึงได้ แต่ในจุดชมวิวทะเลหมอกทั้ง 3 จุดนี้จะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ตรงที่ม่อนกิ่วลมจะเป็นจุดชมทะเลหมอกเพียงจุดเดียวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่เมยที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าได้ อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีเทือกเขาที่สลับซับซ้อน จึงเป็นมุมมองที่มีความสวยงามกว่าม่อนพูนสุดาและม่อนครูบาที่อยู่ทางด้านตะวันตก จึงไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ อีกทั้งมิติของทิวทัศน์ก็มีลักษณะแบนราบ แม้จะมีหมอกหนาแต่ก็สวยงามน้อยกว่าที่ม่อนกิ่วลม
การเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติแม่เมยด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถ้าเดินทางจากกรุงเทพฯ สามารถใช้เส้นทางสายกรุงเทพฯ - ตาก ก่อนถึงจังหวัดตากให้แยกซ้ายไปตามทางหลวงที่จะไปอำเภอแม่สอด เมื่อถึงแม่สอดให้ใช้ทางหลวงสายแม่สอด-ท่าสองยาง-แม่สะเรียง จนกระทั่งเมื่อมาถึงแยกบ้านแม่สลิดให้เลี้ยวขวาจะเป็นเส้นทางที่จะไปไปยังอุทยานชาติแม่เมย อันเป็นเส้นทางเดียวกันกับเส้นทางที่จะไปบ้านแม่ระเมิง ซึ่งเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางสูงชันและคดเคี้ยว เดินทางมาได้ประมาณ 10 กิโลเมตรก็จะพบที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย และเมื่อเดินทางต่อไปก็จะพบม่อนพูนสุดา ม่อนครูบาใส และผ่านน้ำตกแม่ระเมิงซึ่งเป็นน้ำตกขนาดปานกลางตั้งอยู่ริมถนน นักท่องเที่ยวจึงมักจอดรถลงไปแวะชมเพราะเป็นน้ำตกที่มีน้ำตลอดทั้งปีไป และถ้าเดินทางต่อไปอีกก็จะมาถึงม่อนกิ่วลม โดยจะตั้งอยู่ทางซ้ายมือ เป็นลานหญ้ากว้างๆ มองเห็นทิวทัศน์ขุนเขาเปิดโล่งอยู่เบื้องหน้า ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่จะได้เห็นทะเลหมอกในยามเช้าตรู่ ทั้งยังสามารถตั้งเต็นท์พักแรมได้ โดยมีห้องน้ำพร้อมให้บริการอยู่แล้ว
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้บริการรถประจำทางสายกรุงเทพ-แม่สอด ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายบริษัทด้วยกัน เมื่อไปถึงก็เดินทางต่อไปยัง อ.ท่าสองยาง โดยใช้เส้นทางหลวงสายแม่สอด-แม่สะเรียง จนเมื่อไปถึงแยกบ้านแม่สลิดก็เลี้ยวขวาไปตามทางไปบ้านแม่ระเมิงซึ่งเป็นทางไปอุทยานแห่งชาติแม่เมยเช่นกัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถติดต่อหาเช่ารถได้ที่แม่สอด จะมีสองแถวแม่สอด-ท่าสองยาง คอยให้บริการอยู่
ติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่เมย โทร. 0-5557-7409
ขอบคุณข้อและภาพประกอบจาก: