วงดนตรีงานแต่งงานมีแบบไหนบ้าง

    การจะเนรมิตงานแต่งงานให้ตรงกับความต้องการนั้น คงต้องใส่ใจกันทุกรายละเอียด เรียกว่าเก็บให้หมดจดทุกเม็ดกันทีเดียว ซึ่งวงดนตรีในงานแต่งก็มีความสำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาแห่งความทรงจำของเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้ว ยังบ่งบอกได้ถึงตัวตน และรสนิยมของคนทั้งคู่ ทั้งยังสามารถสร้างให้งานแต่งงานนั้นเป็นที่น่าจดจำสำหรับแขกผู้มาร่วมงานได้เป็นอย่างดี ดังนั้นการจะเลือกวงดนตรีมาบรรเลงในงานสักวง คงต้องทำความรู้วงดนตรีในงานแต่งงานแต่ละชนิดกันสักหน่อยดีกว่า

1.วงดนตรีแบบโซโล (Solo) 
    วงดนตรีแบบโซโล คือการแสดงเดี่ยวที่ใช้เครื่องดนตรีเพียงชิ้นเดียว โดยอาจจะเลือกเป็นเปียโน ไวโอลิน หรือฮาร์ฟ (พิณฝรั่ง) ก็ได้ วงแบบนี้จะมีหรือไม่มีนักร้องก็ได้ หรืออาจจะให้เพื่อนที่เสียงดี ร้องเพลงเพราะมาช่วยเป็นนักร้องรับเชิญก็ยังได้ และข้อดีอีกข้อหนึ่งคือ วงดนตรีชนิดนี้ยังช่วยประหยัดงบได้มาก เพราะมีราคาย่อมเยากว่าแบบอื่นๆ มาก แต่หากจะเลือกใช้เปียโน ควรจะต้องสอบถามทางสถานที่จัดเลี้ยงดูก่อนว่ามีแกรนด์เปียโนให้หรือไม่ เพราะถ้าไม่มีจะได้บอกให้นักดนตรีจัดหามาให้ หรือเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะจัดหาเองก็ตามแต่ตกลง ซึ่งในส่วนนี้ก็คงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา

2. วงดนตรีโอ (Duet)
    วงดนตรีชนิดนี้ประกอบด้วยเครื่องดนตรี2 ชิ้น โดยมีเปียโนหรือคีย์บอร์ดเป็นหลัก เล่นร่วมกับเครื่องสาย อย่างไวโอลิน เครื่องเป่า อย่างแซกโซโฟน หรือฟลุ้ต

3. วงดนตรีแบบทริโอ (Trio)
    วงดนตรีแบบ Trio จะประกอบด้วยเครื่องดนตรี 3 ชิ้น เหมาะสำหรับงานเลี้ยงค็อกเทลที่ไม่เป็นทางการมาก ต้องการเสียงดนตรีคลอเบาๆ ไม่ดังมาก เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในงานได้สังสรรค์พูดคุยกัน ช่วยเพิ่มบรรยากาศภายในงานให้รู้สึกเป็นกันเอง สบายๆ ซึ่งวงดนตรีแบบ Trio ยังสามารถแยกออกไปตามแต่ชนิดของเครื่องดนตรีที่นำมาเล่นประกอบกัน
                - Flute Trios ประกอบด้วยฟลุ้ต ไวโอลิน และเชลโล่ ให้ท่วงทำนองที่โปร่งเบา ฟังสบาย 
                - Jazz Trios สามารถปรับเปลี่ยนเครื่องดนตรีได้หลายชนิด ทำให้ได้ท่วงทำนองและอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป เช่น เปียโนเบส และกีต้าร์ จะให้เสียงที่นุ่มนวล แต่ถ้าเป็นงานที่ต้องการความสนุกสนาน เน้นให้คนออกมาเต้นรำ เพลงที่ใช้จึงควรเป็นเพลงป๊อบหรือเพลงอาร์แอนด์บี ที่ทันสมัย ซึ่งควรจะใช้เปียโน เบสและกลอง   
                -  String Trios เป็นวงดนตรีเครื่องสาย 3 ชิ้น คือ ไวโอลิน วิโอล่า และเชลโล่ ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน ละมุนละไม

4. วงดนตรีแบบควอเต็ท (Quartet)  
    วงดนตรีประเภทนี้จะประกอบไปด้วยเครื่องสาย 4 ชิ้น คือ ไวโอลิน 2 ตัว วิโอล่า และเชลโล่ ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน ละมุนละไม เช่นเดียวกับวง String Trios แต่วงดนตรีแบบ Quartet จะมีเสน่ห์ชวนฟังและชมเพลินกว่าเนื่องจากมีไวโอลิน 2 ตัว เล่นล้อกัน 

5. วงดนตรีแบบควินเต็ท (Quintet) 
    Quintet จะประกอบไปด้วยเครื่องสาย 5 ชิ้น คือ ไวโอลิน 2 ตัว วิโอล่า เชลโล่ และดับบิ้ลเบส
             

 6. วงดนตรีแบบแชมเบอร์ (Chamber)     
    วงดนตรีแบบ Chamber 5 ชิ้น และ 8 ชิ้น ประกอบด้วยเครื่องดนตรีหลัก คือ ไวโอลิน วิโอล่า ดับเบิ้ลเบส และเปียโน เพิ่มเครื่องเป่าอย่างฟลุ้ต คาริเน็ต หรือโอโบ ให้ความรู้สึกหรูหรา เป็นทางการ เหมาะสำหรับงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ แม้ดนตรีชนิดนี้จะไม่ค่อยเสียงดังมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลดี
            
7. วงดนตรีแบบออร์เคสตร้า (Orchestra)
   Orchestra เป็นวงดนตรีบรรเลงขนาดใหญ่ ใช้เครื่องดนตรีตั้งแต่ 6 ชิ้นขึ้นไป งานแต่งงานที่ใช้วงดนตรีแบบออร์เคสตร้ามักจะเป็นงานขนาดใหญ่ มีความหรูหรา นอกจากนี้งานที่ใช้วงออเคสตร้านั้นจะต้องมีพื้นที่มากพอสำหรับวางเครื่องดนตรี อีกทั้งยังอาจจะต้องมีระบบเครื่องเสียงเข้ามารองรับ และมีพื้นที่มากพอสำหรับวางเครื่องดนตรี

8. วงดนตรีแบนด์ (Bands)           
   วงดนตรีแบนด์ เป็นวงดนตรีที่เน้นเครื่องเป่าเป็นหลัก และเป็นวงดนตรีที่มีนักร้องแนวต่างๆ ทั้ง ป๊อบ แจ๊ซ ร็อค หรือละติน เหมาะสำหรับงานใหญ่ๆ ที่มีการเต้นรำหรืองานที่ต้องการดนตรีร่วมสมัย คู่บ่าวสาวสามารถเลือกแนวเพลงที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าหรือหรือเพลงเร็ว ยิ่งถ้าได้นักร้องดีๆ จะยิ่งทำให้งานมีสีสันมากยิ่งขึ้น แต่ราคาสูงพอสมควรเนื่องจากวงดนตรีชนิดนี้จะต้องมีระบบเครื่องเสียงรวมทั้งคนควบคุมด้วย
 

Tips
    การเลือกวงดนตรี นอกจากจะเลือกจากความชอบแล้ว สถานที่จัดงานยังมีส่วนในการกำหนดประเภทของวงด้วย ถ้าจัดงานในห้องบอลรูมที่มีระบบไฟฟ้าพร้อมก็สามารถใช้วงดนตรีวงใหญ่ได้ แต่ถ้าจัดงานนอกสถานที่ (Outdoor) อย่างริมทะเลหรือในสวน อาจมีปัญหาได้ยินเสียงดนตรีไม่ชัด เพราะมีเสียงรบกวนอย่างเสียงคลื่นหรือเสียงยานพาหนะต่างๆ หากใช้วงดนตรีแบบโซโลหรือวงดูเอท เสียงเพลงจะถูกบรรดาเสียงรบกวนกลบหายไป หรือสถานที่ที่ไม่มีระบบไฟฟ้าและลำโพง วงดนตรีเครื่องสายจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแบบอื่นๆ 
    นอกจากนี้ควรถามเจ้าของสถานที่ก่อนว่าอนุญาตให้เสียงดังได้ขนาดไหน บางสถานที่ก็ไม่อนุญาตให้ใช้เสียงดังเกินไป เพราะเป็นการรบกวนแขกที่มาใช้บริการในบริเวณใกล้เคียง วงดนตรีที่ต้องใช้เครื่องขยายเสียงคงต้องตัดออกไป

ได้รู้จักวงดนตรีงานแต่งงานแต่ละประเภทแล้ว คราวนี้คงได้วงดนตรีที่ถูกใจ เหมาะสมกับสถานที่ และเข้ากับรูปแบบของงานแล้วนะคะ

เรียบเรียงข้อมูลโดย: Peachy Pat
ขอคุณข้อมูลจาก: นิตยสารกุลสตรี ฉบับที่ 907 ปักษ์หลัง ตุลาคม 2551 และ  www.ipattt.com